(เพิ่มเติม) กองทุนฟื้นฟูฯขายหุ้น SCIBให้ TCAPที่ 32.50 บ./หุ้น เตรียมควบรวมธ.ธนชาต

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 11, 2010 17:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตกลงขายหุ้นธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) ให้กับธนาคารธนชาตในเครือบมจ.ทุนธนชาต(TCAP) ที่ราคา 32.50 บาท/หุ้น ซึ่งทางผู้ซื้อมีแผนควบรวมกิจการธนาคารธนชาตและ SCIB เข้าด้วยกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 54

ทั้งนี้ TCAP และธนาคารโนวาสโกเทีย ผู้ถือหุ้นหลักในธนาคารธนชาตจะพิจารณาอนุมัติการคบรวมในการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 เม.ย.นี้ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ SCIB ทั้งหมด โดยเริ่มรับซื้อตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.นี้และจะแล้วเสร็จราวเดือน ก.ค.53 คาดว่าจะใช้เงินทั้งหมด 6.8 หมื่นล้านบาท จากนั้นจะดำเนินกระบวนการเพิกถอนหุ้น SCIB ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

นางทองอุไร ลิ้มปิติ ผู้จัดการ กองทุนฟื้นฟูฯ กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูฯ ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น SCIB ในสัดส่วน 47.58%ให้กับธนาคารธนชาตไปแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ ที่ราคา 32.50 บาท/หุ้น ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ ได้รับเงินประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท จากราคาตามมูลค่าตามบัญชี(BV)อยู่ที่ 19 บาท/หุ้น ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ คาดว่าจะได้รับเงินในวันที่ 9 เม.ย.53

การคัดเลือกผู้ชนะประมูลซื้อหุ้น SCIB ไม่ได้พิจารณาเฉพาะราคาที่เสนอมา แต่ดูจากแผนธุรกิจด้วย ซึ่งกองทุนฟื้นฟูฯ เชื่อว่าจะทำให้ SCIB มีความมั่นคงและเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงินทั้งระบบ โดยมีผู้ที่เข้ามาซื้อซองประมูลทั้งหมด 45 ราย แต่มีเพียง 5 รายที่ยื่นซองประมูล ผ่านการพิจารณาขั้นต้น 3 ราย และมีเพียง 2 รายที่เสนอแผนในรอบไฟนอล

ธนาคารธนชาตมีสินทรัพย์เป็นธนาคารอันดับ 8 ภายใต้งบเดี่ยว ส่วนภายใต้งบรวมอยู่ในอันดับที่ 7 ซึ่งหากควบรวมกิจการกับ SCIB แล้วจะทำให้อันดับปรับขึ้นมาเป็นที่ 5 ขนาดสินทรัพย์ 8 แสนล้านบาท มีสาขาทั้งหมด 600 แห่ง และตู้เอทีเอ็ม 2 พันเครื่อง

จากนี้ทางธนาคารธนชาตต้องยื่นขอผ่อนผันหลักเกณฑ์ต่าง ๆ และขอควบรวมกิจการต่อฝ่ายกำกับสถาบันการเงินของ ธปท. รวมทั้งการคืนใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ของ SCIB ให้กับ ธปท.ด้วย ซึ่งคิดว่ากระบวนการน่าจะรวดเร็ว ขณะที่กองทุนฯ จะได้รายได้มาชดเชยภาระหนี้ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท

นายบันเทิง ตันติวิท ประธานกรรมการ TCAP กล่าวว่า หลังจากวันนี้จะนำกลับไปประชุมผู้ถือหุ้นทั้ง TCAP และธนาคารธนชาต โดยเพิ่มวาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 เม.ย.53 เพื่อขออนุมัติเข้าซื้อหุ้นและควบรวมกิจการกับ SCIB จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์(เทนเดอร์ออฟเฟอร์)คาดว่าจะเริ่มได้ปลายเดือน เม.ย.และจะจบในเดือน ก.ค.53 จากนั้นจะเพิกถอนหุ้น SCIB ออกจากตลาดหุ้น รวมทั้งการโอนบัญชีและควบรวมกิจการทั้งหมดให้แล้วเสร็จในปี 54

ทั้งนี้ ธนาคารธนชาตต้องใช้เงินซื้อหุ้นและทำเทนเดอร์ฯ หุ้นทั้งหมดของ SCIB ราว 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมาจากผู้ถือหุ้นหลักทั้ง TCAP และโนวาสโกเทียเพิ่มทุนให้เป็นส่วนใหญ่ในหุ้นสามัญและอีกส่วนหนึ่งเป็นหุ้นกู้ที่ไม่กำหนดเวลา รวม 4.2 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นเงินสดของธนาคารเอง 2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนั้น ธนาคารธนชาตจะเสนอขายหุ้นกู้ 6 พันล้านบาทให้กับผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป เพื่อนับเป็นเงินกองทุนขั้นที่ 2 ซึ่งจะทำให้ภายหลังการควบรวมกิจการแล้วเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 12%

นายบันเทิง กล่าวว่า ในระยะนี้คงจะขอให้ ธปท.อนุญาตให้สองธนาคารดำเนินการควบคู่กันไปก่อนจนกว่าจะควบรวมแล้วเสร็จ เพื่อให้ลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งธนาคารภายหลังควบรวมจะใช้ชื่อธนาคารธนชาต คาดว่าการควบรวมจะไม่กระทบกับพนักงานและผู้บริหาร โดยเฉพาะพนักงานระดับล่างของธนาคารธนชาตและ SCIB มีความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานน้อยมาก เนื่องจากธนาคารธนชาตถนัดสินเชื่อเช่าซื้อ แต่ SCIB เน้นปล่อยกู้รายใหญ่ และสินเชื่อบ้าน ส่วนสาขาที่อยู่ใกล้เคียงกัน และบริษัทในเครือก็จะมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งการดำเนินการมีหลายช่องทาง เช่น ควบรวมกิจการ ขายกิจการ หรือหาพันธมิตรเข้ามาซื้อหุ้น

ส่วนการจ่ายปันผลหุ้น SCIB นั้นจะยังไม่มีการอนุมัติการจ่ายปันผลจนกว่าจะทำเทนเดอร์ฯ แล้วเสร็จ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ