นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์(L&E) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในปี 53 บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะจะเติบโตสูงกว่ารายได้ที่คาดว่าจะโต 20% โดยรายได้ที่สูงขึ้นจะมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในปีนี้ออยู่ระดับคงที่แล้ว
ประกอบกับ การที่บริษัทได้หันมาเจาะตลาดส่งออกต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในแถบอาเซียน ซึ่งถือเป็นตลาดหลัก หลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวในปีก่อน ส่งผลให้อัตราการเติบโตของการส่งออกจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด 50% หรือมีสัดส่วนการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 5 % จากปีก่อนทีมีรายได้ประมาณ 60 กว่าล้านบาท และคาดว่าภายใน 2-3 ปีจะเพิ่มเป็น 10% ของรายได้
สำหรับตลาดส่งออกในปี 53 บริษัทจะเจาะตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศแถบยุโรป ซึ่งในเดือน เม.ย.53 บริษัทเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่เมืองแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมัน คาดว่าจะได้รับการตอบรับด้วยดี หลังสินค้าของบริษัทได้รับใบรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน ISO ทำให้มีความเชื่อมั่นในสินค้าเพิ่มขึ้น
ส่วนงานโครงการในปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่อุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการขนาดใหญ่กลับมาลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และ รีสอร์ท เนื่องจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจฟื้นตัว และจะส่งผลให้มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65% ของรายได้ทั้งหมด
ขณะที่รายได้ที่เหลือมาจากงานขายส่งและขายปลีก ที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนของภาครัฐในโครงการไทยเข้มแข็ง ทั้งในรูปแบบของการปรับปรุงและการกลับมาดำเนินธุรกิจใหม่ คาดว่าจะมีมูลค่างานใหม่ในปี 53 มากกว่า 600 ล้านบาท จากปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)ที่จะทยอยรับรู้ในไตรมาส 2-3/53 อีกประมาณ 600 ล้านบาท
นอกจากนี้ รายได้ที่สูงขึ้นในปีนี้ ยังมาจากเพิ่มยอดขาย LED และสินค้าประเภทอื่น รวมทั้งการบริหารต้นทุนและการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นรวม(Gross Profit Margin)ในปีนี้บริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 25-30% จาก 25% ในปี 52
และปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนมากกว่า 10 ล้านบาท เพิ่มเครื่องจักรเพื่อขยาย LED มากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 2-3/53
นายปกรณ์ กล่าวอีกว่า จากความสามารถในการทำรายได้ที่เพิ่มขึ้น และส่งผลต่อกำไรสุทธิที่สูงขึ้น ดังนั้น เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อความสามารถในการจ่ายปันผลในงวดปี 53 ที่จะทำได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบปี 52 ที่จ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนในระดับ 4%
"ปีนี้จะเป็นปีที่ดีของบริษัท เพราะทุกอย่างเราได้มีการปรับตัวมาตั้งแต่ปีก่อนแล้วโดยเฉพาะการเจาะตลาดต่างประ เทศมากขึ้น และตอนนี้เราก็เจรจากับลูกค้าต่างประเทศหลายรายทั้งลูกค้าเก่าในแถบอาเซียนที่เป็นลูกค้าเก่าเราที่มีการเพิ่มออเดอร์และลูกค้ารายใหม่ อีกทั้งการเพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ยอดขายก็ต้องเพิ่มขึ้นซึ่งก็จะดีกับกำไรของเราเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว" นายปกรณ์ กล่าว