ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ของ CK วงเงิน 1.1 พันลบ.ที่ BBB+

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 16, 2010 13:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศผลอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,100 ล้านบาทของบมจ.ช. การช่าง (CK) ที่ระดับ “BBB+" ในขณะเดียวกันก็ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้และขยายธุรกิจในอนาคต

อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในโครงการก่อสร้างภาครัฐและโครงการที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และรายได้ที่สม่ำเสมอจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน อย่างไรก็ตาม สถานะอันดับเครดิตลดทอนลงบางส่วนจากการมีภาระหนี้ที่สูงเนื่องจากการลงทุนในกิจการสัมปทาน รวมทั้งการมีจำนวนโครงการก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ที่กระจุกตัว ความเสี่ยงจากสัญญาก่อสร้างแบบคงที่ (Fixed-price Contract) และแรงกดดันต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดจากผลกระทบของภาวะแวดล้อมในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่มีการแข่งขันสูงและความไม่แน่นอนทางการเมือง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงโครงสร้างทางการเงินของบริษัทที่มีสัดส่วนหนี้อยู่ในระดับสูงและความ ท้าทายในการสร้างกระแสเงินสดเพื่อชำระคืนหนี้และลงทุนในโครงการสัมปทาน อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทไม่สามารถเพิ่มอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้หรือมีโครงสร้างงบดุลที่อ่อนแอลง

ในทางกลับกัน แนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" หากบริษัทประสบความสำเร็จในการเพิ่มปริมาณงานรับเหมาก่อสร้างด้วยอัตราส่วนกำไรที่เหมาะสมซึ่งจะช่วยเสริมสร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งได้ในระยะปานกลาง พร้อมทั้งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการลดสัดส่วนหนี้สินลงได้

CK เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่จำนวน 3 รายของประเทศ บริษัทมีประสบการณ์ในงานก่อสร้างที่หลากหลายตั้งแต่งานโยธาโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงโครงการที่มีความซับซ้อนสูง ประสบการณ์ดังกล่าวเมื่อรวมกับการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำจากต่างประเทศยิ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้แก่บริษัท

ณ เดือนธันวาคม 2552 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบมูลค่าประมาณ 13,864 ล้านบาท โดยประมาณ 72% เป็นของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง งานรับเหมาที่ยังไม่ส่งมอบของบริษัทมีจำนวนไม่มากในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงจากสาเหตุที่มีโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐในปริมาณน้อย งานรับเหมาคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้หากรัฐบาลสามารถผลักดันโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ“ไทยเข้มแข็ง"สำเร็จตามแผนงานที่วางไว้

ธุรกิจสัมปทานของบริษัทครอบคลุมโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานหลายประเภท ได้แก่ ทางด่วน รถไฟฟ้าใต้ดิน น้ำประปา และไฟฟ้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2552 เงินลงทุนรวมในกิจการสัมปทานประกอบด้วย การถือหุ้นใน บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL) จำนวน 16.4% ใน บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) 24.6% ใน บมจ.น้ำประปาไทย(TTW) 31.6% และใน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) 38.0%

บริษัทได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอจากการลงทุนใน BECL และ TTW ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากลักษณะผันผวนของรายได้ธุรกิจก่อสร้างได้ในระดับหนึ่ง ส่วนโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ SEAN ก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 95% และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปี 2554 ในขณะที่ผลประกอบการที่ขาดทุนจาก BMCL ยังคงเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท

ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อไปในปี 2553 เนื่องจากรายได้ของโครงการเขื่อนน้ำงึม 2 จะทยอยรับรู้น้อยลง อย่างไรก็ตาม โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนจำนวนโครงการที่ยังไม่ส่งมอบที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และรายได้จากเงินปันผลน่าจะสร้างกระแสเงินสดในระดับที่เหมาะสมในปีต่อๆ ไป

บริษัทมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง เนื่องจากเงินที่ใช้ลงทุนในโครงการสัมปทานต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ยืม จึงส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทริสเรทติ้งยังคงกังวลเกี่ยวกับภาระผูกพันทางการเงินของบริษัทในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทลูกในฐานะผู้ถือหุ้นและโครงการลงทุนในสัมปทานซึ่งเป็นข้อจำกัดของบริษัทในการพยายามลดภาระหนี้ในระยะปานกลาง

บริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2.5 เท่า โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 2.1 เท่า และปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่บริษัทได้รับเงินจำนวน 844 ล้านบาทจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในเดือนกุมภาพันธ์ 2553

ในขณะที่สภาพคล่องได้รับแรงหนุนบางส่วนจากการถือครองหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องดีจำนวนมาก ณ เดือนธันวาคม 2552 เงินลงทุนใน TTW มีมูลค่ายุติธรรมที่ 5,589 ล้านบาท เปรียบเทียบกับมูลค่าทางบัญชีที่รายงานในงบการเงินจำนวน 2,344 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะนำ SEAN ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระยะใกล้ด้วย

ทริสเรทติ้ง คาดหวังว่าบริษัทจะยังคงแสวงหาแหล่งทุนผ่านทางเลือกอื่นๆ และดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการหาทุนเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดสำหรับลดภาระหนี้และเพื่อการลงทุนในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ