ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นบวก รวมถึงตลาดแรงงานและตลาดการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 43.83 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 10,685.98 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 8.95 จุด หรือ 0.78% ปิดที่ 1,159.46 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 15.80 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 2,378.01 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกสูงสุดในรอบ 17 เดือนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) มีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0-0.25 % และยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการประเมินเศรษฐกิจที่เป็นบวกของเฟด โดยแถลงการณ์ภายหลังการประชุมของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานเริ่มมีเสถียรภาพ ส่วนอัตราการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวปานกลาง และการฟื้นตัวของตลาดการเงินยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ
นอกเหนือจากการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศคงอันดับเครดิตของกรีซ และถอดถอนชื่อของกรีซของจากเครดิตพินิจแล้ว หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถลดยอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สินได้ตามเป้าหมายในระยะใกล้นี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการก่อสร้างบ้านใหม่เดือนก.พ.หดตัวลง 5.9% มาอยู่ที่ระดับ 575,000 ยูนิต/ปี
หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอีพ) ดีดตัวขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะเพิ่มการจ่ายเงินปันผลในปีพ.ศ.2554 ขณะที่หุ้นยูไนเต็ด สตีล คอร์ป ปิดบวก 3%