นายเผด็จ หงส์ฟ้า กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม พิคเจอร์(MPIC)คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในปี 53 จะเติบโตทั้งในส่วนของรายได้และกำไรสุทธิ หลังจากที่บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยรายได้ปีนี้น่าจะมีมากกว่า 1,200 ล้านบาท สูงขึ้นมากจากปี 52 ที่ทำรายได้ 583 ล้านบาท เนื่องจากจะมีจำนวนหนังมากขึ้น
อีกทั้งในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จาก บริษัท เอ็มวีดี (MVD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เต็มที่ทั้งปีประมาณ 850 ล้านบาท และรายได้ของบริษัทเองที่คาดว่าเพิ่มขึ้นอีก 20% จาก 166 ล้านบาท และ รายได้จากบริษัท M39 ประมาณ 250 ล้านบาท
ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีหนังรวม 27 เรื่อง และมีแผนจะไปเจรจาซื้อหนังจากต่างประเทศเพิ่มเติม ทั้งจากฮ่องกง ฝรั่งเศส และสหรัฐ ซึ่งปริมาณหนังที่เพิ่มขึ้น และการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านฟรีทีวี อีกทั้งมองแนวโน้มตลาดมีความต้องการหนังมากขึ้น จะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น(GP)ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากระดับ 28% ในปี 52
และจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปีนี้ ทำให้เชื่อว่าจะทำให้ผลประกอบการพลิกกลับมาเป็นกำไร โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/53 ขณะเดียวกันยังเชื่อว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดภายในปี 54 จากที่มีอยู่ทั้งหมด 200 ล้านบาท และหลังจากนั้นจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้
"ผมเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของเรา เพราะผมได้เคลียร์ทุกอย่าง ทั้งการเลือกหนังและการดูแลเรื่องบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการลดค่าใช้จ่าย"นายเผด็จ กล่าว
ส่วนกรณีการชุมนุมทางการเมือง มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท แต่กลับได้รับผลดีที่ประชาชนจะหันมาซื้อดีวีดีหรือวีซีดี มาดูที่บ้านแทน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปัญหาการเมืองจะยุติลงได้ในเร็วๆ นี้
นายเผด็จ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนทำธุรกิจใหม่ โดยการเปิด"คีออส"ขายหนัง (จุดจำหน่ายย่อย) โดยภายในปีนี้ ตั้งเป้าเปิดคีออส 14 แห่ง หากเดินหน้าไปด้วยดี อาจจะมีการหาพันธมิตรร่วมทุน หรือการเข้าซื้อกิจการ (เทคโอเวอร์) เพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้บริษัทอีกทาง