โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.บ้านปู(BANPU)มองราคาหุ้น Under Value มาหลายเดือนแล้ว ขณะที่เป็นหุ้นที่ต่างชาติต้องซื้อเมื่อภาวะตลาดฯดี และมี performce ที่ดี จัดเป็นหุ้นหัวแถวของตลาดหุ้นไทย
BANPU จะรับผลบวกจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่สูงขึ้นในปีนี้ คาดช่วงครึ่งแรกของปีราคาน่าจะอยู่ที่ 90 กว่าเหรียญฯ/ตัน และได้รับผลบวกจาก Demand ของจีน-อินเดีย ทั้งปีราคาน่าจะอยู่ที่ 90 เหรียญฯ/ตันสูงขึ้นจากปีก่อน แต่ราคาขายถ่านหินของ BANPU ในปีนี้จะไม่สูงมาก เพราะได้ล็อกสัญญาซื้อขายไปมากแล้ว เป็นการทำสัญญาที่ราคาประมาณ 60-62 เหรียญฯ/ตัน แต่ยังมีส่วนที่เหลือก คาดว่า BANPU น่าจะทำสัญญาซื้อขายได้สูงกว่าเดิม
ทั้งนี้ ในปี 23 คาดว่าราคาถ่านหินของ BANPU น่าจะอยู่ในกรอบ 69-72 เหรียญฯ แต่ปี 54 คาดว่าจะราคาขายถ่านหินจะสูงขึ้นมาอยู่ที่ 80 กว่าเหรียญฯ
นอกจากนี้ BANPU ยังน่าจะได้รับผลบวกจาก Demand ของกลุ่มโรงไฟฟ้าในภูมิภาคที่น่าจะเร่งซื้อถ่านหินในช่วงต้นปีนี้ และอุตสาหกรรมหลายแห่งเปลี่ยนมาใช้ถ่านหินค่อนข้างมาก เหตุราคาถูกกว่าน้ำมัน อีกทั้ง BANPU ยังมีฐานะการเงินดี และมีความพร้อมในการซื้อเหมืองถ่านหินใหม่ ๆ และในระยะยาวปี 58-59 จะรับประโยชน์จากการลงทุนโครงการหงสา ซึ่งถือหุ้น 40%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ BANPU ในปี 53 ไว้ในช่วง 12,000-15,235 ล้านบาท ขณะที่ปีที่ 52 มีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท โดยปีที่แล้ว BANPU มีกำไรจากการทำเฮดจิ้งถ่านหินจำนวนมาก
แต่ใน 54 กำไรสุทธิจะเติบโตก้าวกระโดดมาอยู่ในช่วง 15,931-21,792 ล้านบาท จากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากการรับรู้การลงทุนเหมืองบารินโตในอินโดนีเซียและเหมืองเกาเหอในจีน ตามสัดส่วนการถือหุ้น
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) JP Morgan เพิ่มน้ำหนัก 713.00 UBS ซื้อ 692.00 Royal Bank of Scotchland ซื้อ 830.00 Deutsche Bank ซื้อ 740.00 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 641.00 บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ซื้อ 642.00 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 619.73 บล.เคที ซีมิโก้ ซื้อ 687.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 686.00 บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 750.00 บล.กสิกรไทย ซื้อ 758.00 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 600.00 บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 630.00 บล.ทิสโก้ ซื้อ 740.00 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 704.00 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 630.00
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น BANPU ว่า หากประเมินช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าราคาหุ้น BANPU เทรด Under Value มาหลายเดือนแล้ว เพราะคนยังไม่แน่ในตลาดและเห็นว่าราคาหุ้นยังแพง แต่ BANPU เป็นหุ้นที่ต่างชาติต้องซื้อเมื่อภาวะตลาดฯดีขึ้นและมี performce ที่ดีด้วย เรียกได้ว่าเป็นหุ้นพร้อมซื้อ ทำให้หุ้น BANPU เป็นหุ้นหัวแถวของตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบน่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 85 เหรียญฯ/บาร์เรล และเชื่อว่าทั้งปีจะเทรดไม่ต่ำกว่า 80 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งเมื่อราคาน้ำมันขยับตัวขึ้นส่งผลให้ราคาถ่านหินดีขึ้นด้วย นอกจากนั้น ราคาถ่านหินยังปรับตัวขึ้นตาม Demand จากจีนและอินเดีย คาดว่าราคาในปีนี้จะอยู่ที่ 90 เหรียญฯ/ตัน สูงขึ้นจากปี 52 ราคาถ่านหินที่ท่าเรือแอฟริกาใต้เฉลี่ยอยู่ที่ 66 เหรียญฯ/ตัน และตอนนี้ราคาถ่านหินก็อยู่ที่ 83 เหรียญฯ/ตัน แล้ว
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ BANPU ในปี 53 ไว้ที่ 12,000 ล้านบาทไม่รวมการทำเฮดจิ้งของราคาถ่านหิน ลดลงจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท แต่ในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตก้าวกระโดดมาที่ 17,000 ล้านบาท เนื่องจากจะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยจะมีการรับรู้การลงทุนในเหมืองบารินโตในอินโดนีเซีย ซึ่งมีกำลังการผลิต 2 ล้านตัน BANPU ถือหุ้น 77% และรับรู้เหมืองเกาเหอในจีน กำลังการผลิต 3 ล้านตัน BANPU ถือหุ้น 45%
นายชัยพัชร ธนวัฒโน นักวิเคราะห์อาวุโส สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ได้แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BANPU ด้วยราคาเป้าหมาย 740 บาท/หุ้น เนื่องจากมีมุมมองบวกต่อราคาถ่านหินที่น่าจะยังดีอยู่ รับผลจาก Demand ของจีน แม้ว่าราคาถ่านหินของ BANPU ในปีนี้จะไม่มาก เพราะได้ล็อกสัญญาไปมากแล้ว ก็คาดว่าปีนี้ราคาถ่านหินน่าจะอยู่ในระดับพอ ๆ กับปีที่แล้ว(2552)ที่ 71-72 เหรียญฯ แต่ปีหน้า(2554)คาดว่าจะราคาถ่านหินจะสูง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 80 กว่าเหรียญฯ
นอกจากนี้ BANPU ยังมีฐานะการเงินที่ดี และมีความพร้อมที่จะไปซื้อเหมืองถ่านหินใหม่ ๆ ได้ด้วย ส่วนในระยะยาวประมาณปี 2558-2559 BANPU ก็จะรับประโยชน์จากการลงทุนในโครงการหงสา ซึ่ง BANPU ถือหุ้นในสัดส่วน 40%
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้(2553)ไว้ที่ 15,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว(2552)ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14,229 ล้านบาท ส่วนปี 2554 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 21,792 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ผลกำไรมีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน มองว่า BANPU จะได้รับผลบวกราคาถ่านหินที่สูงขึ้น โดยคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปีนี้ราคาถ่านหินน่าจะอยู่ที่กว่า 90 เหรียญฯ/ตัน แต่ปัจจุบัน BANPU ทำสัญญาซื้อขายถ่านหินไปแล้ว 50% ที่ราคาประมาณ 60-62 เหรียญฯ/ตัน ซึ่งยังมีส่วนที่เหลืออีก คาดว่าน่าจะได้ราคาที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ปี 53 คาดว่าราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ BANPU น่าจะอยู่ที่ 69 เหรียญฯ/ตัน แต่ก็ยังต่ำกว่าปีที่ก่อนที่ BANPU มีราคาขายเฉลี่ยที่ 72 เหรียญฯ/ตัน
อย่างไรก็ดี BANPU ยังน่าจะได้รับผลบวกจาก Demand ของโรงไฟฟ้าถ่านหินในภูมิภาค ซึ่งน่าจะเร่งซื้อถ่านหินในช่วงต้นปีนี้ และเวลานี้อุตสาหกรรมหลายแห่งก็ปรับมาใช้ถ่านหินกันค่อนข้างมาก เนื่องจากราคาถ่านหินยังถูกกว่าน้ำมัน
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ BANPU ในปี 53 ไว้ที่ 13,028 ล้านบาท ลดลง 8% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 14,229 ล้านบาท เนื่องจากปีที่แล้ว BANPU มีกำไรจากการทำเฮดจิ้งถ่านหินจำนวนมาก ส่วนในปีห 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 15,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปี 53 เนื่องจาก BANPU มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเหมืองบารินโตในอินโดนีเซียและเหมืองเกาเหอในจีน