นางสาวชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) เชื่อว่า บริษัทจะมีรายได้ในปี 53 ทะลุ 360 ล้านบาทจากปีก่อน 295 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/53 ยังมีทิศทางที่ดี แม้สถานการณ์ทางการเมืองจะไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทยังงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ 270 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดจะรับรู้ฯในปีนี้ นอกจากนั้น ยังรับงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้รายได้ทั้งปีเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
"ไตรมาสที่ 1/53 แนวโน้มธุรกิจยังมีทิศทางที่สดใส ส่วนผลประกอบการแม้จะมีทิศทางที่ดี แต่คงจะเติบโตไม่โดดเด่นเท่ากับไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งถือเป็นธรรมชาติของธุรกิจ NDT ที่ไตรมาสแรกจะเป็นช่วงเตรียมงานตรวจสอบ หลังจากนั้นจึงจะเริ่มกระบวนการตรวจสอบ ส่วนการรับรู้รายได้จะเป็นไตรมาสที่ 3-4 ของปี ซึ่งถือเป็น high season ของธุรกิจ"นางสาวชมเดือน กล่าว
นางสาวชมเดือน กล่าวบว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของธุรกิจ NDT (การตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ด้วยกระบวนการทดสอบโดยไม่ทำลาย) เนื่องจากทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการต้องเลื่อนออกไป ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับแผนหันไปรับงานจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการขยายงานออกสู่ต่างประเทศ เพื่อหาตลาดใหม่สร้างรายได้ขึ้นมาชดเชยงานในประเทศที่บางส่วนได้เลื่อนหรือชะลอออกไป
ขณะนี้บริษัทได้หันมารับงานจากลูกค้าต่างประเทศที่นำโครงสร้างเข้ามาประกอบในประเทศไทยมากขึ้น รวมทั้งการเข้าเสนองานการตรวจสอบ NDT ในเมืองไทยให้กับลูกค้าต่างประเทศด้วย ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่ชัดเจนของงาน เหล่านี้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/53 เป็นต้นไป
ส่วนการขยายงานออกสู่ต่างประเทศ อาทิ การตั้งบริษัทร่วมทุนในเวียดนามขณะนี้ได้มีความคืบหน้าไปแล้วระดับหนึ่ง
"ในปีนี้แม้การทำงานจะยากลำบากขึ้นเพราะการเมืองไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่เราจะพยายามทำงานกันอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อเดินหน้าผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง...คาดว่าในปีนี้จะยังสามารถผลักดันรายได้ให้เติบโตทะลุ 360 ล้านบาท ได้จากปีก่อนที่ทำได้ 295.08 ล้านบาท"นางสาวชมเดือน กล่าว
นางสาวชมเดือน กล่าวว่า บริษัทจะเข้าไปตั้งบริษัทร่วมทุนในประทศเวียดนามร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น คาดว่าจะสรุปได้ในไตรมาส 2/53 นี้ โดยเตรียมเงินสำหรับลงทุนเครื่องจักรไว้ 30 ล้านบาท ส่วนการเข้าไปจดทะเบียนจดตั้งบริษัทหรือสัดส่วนถือหุ้นเป็นเท่าไรยังไม่สรุป เพราะเราค่อนข้างกังวลเรื่องการปกครองของเวียดนามจึงอยากให้มีผู้ร่วมทุนเป็นเวียดนามเองด้วย และส่วนใหญ่งานด้านน้ำมันหรือพลังงานจะควบคุมโดยรัฐบาล
นอกจากนี้ ในต้นไตรมาส 2/53 นี้บริษัทเตรียมเข้าไปตรวจสอบงานวิศวกรรมบริการด้าน oil&gas ที่ประเทศซูดานมูลค่างานเบื้องต้น 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานขนาดเล็กก่อน คาดรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/52 แค่คาดวายังมีงานต่อเนื่องจากงานดังกล่าวไปอีก 3 ปี ซึ่งจะทำให้มูลค่างานค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การที่บริษัทจะหันไปรับงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ได้มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 5% จาก 2% ในปี 52 และหางานตรวจสอบวิศวกรรมบริการด้านอื่นๆ ทดแทนงานด้านพลังงานที่ไม่ค่อยมีงานใหม่ออกมา โดยขณะนี้มีการดีลงานตรวจสอบโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน 1 ราย เป็นงานกึ่งรัฐกึ่งเอกชน มูลค่ามากพอสมควร คาดว่าจะสรุปในไตรมาส 2-3/53 นี้
"ถ้าได้งานนี้จะดีมาก เนื่องจากงานในประเทศตอนนี้ซบๆ โดยเฉพาะ 2 เดือนที่ผ่านมาในประเทศซึมไม่น่าจะดีเท่าไร เพราะผลกระทบจากมาบตาพุดเริ่มรับรู้แล้ว เพราะงานใหม่สะดุด ยอมรับว่ากระทบเพราะงานใหม่ไม่เกิด และถ้าการเมืองไม่นิ่ง นโยบายรัฐไม่นิ่ง ภาคเอกชนก็ไม่กล้าทำให้ ประกอบการตอนนี้งานเอกชนประมูลน้อยมาก มีแต่งานภาครัฐเท่านั้น"นางสาวชมเดือน กล่าว