ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากที่ได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% พร้อมกับประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นบวก รวมถึงตลาดแรงงานและตลาดการเงิน
ดัชนี S&P/ASX 200 พุ่ง 56.00 จุด หรือ 1.2% แตะ 4,853.2 จุด
-- ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เดินหน้าคึกคัก รวมถึงหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากที่ไต้หวันได้กำหนดกฎเกณฑ์เรื่องการลงทุนข้ามช่องแคบกับจีน
ดัชนีเวทเต็ดปรับตัวขึ้น 152.21 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ระดับ 7,847.84 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบเกือบ 8 สัปดาห์
-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่ใช้นโยบายนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซเริ่มบรรเทาลง
ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดพุ่งขึ้น 125.27 จุด หรือ 1.17% แตะที่ 10,846.98 จุด
-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ตลาดเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้ง 3 วันที่ผ่านมา โดยนักลงทุนขานรับความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับย้ำว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน
ดัชนีคอมโพสิตไต่ระดับขึ้น 34.85 จุด หรือ 2.11% ปิดที่ 1,682.86 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 597.1 ล้านหุ้น มูลค่า 5.64 ล้านล้านวอน (5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้พุ่งสูงขึ้นเกือบ 2% ขานรับธนาคารกลางสหรัฐคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัว 9.5%
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปรับตัวขึ้น 57.64 จุด หรือ 1.93% ปิดที่ 3,050.48 จุด
-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยการนำของหุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนีฮั่งเส็งทะยาน 361.56 จุด หรือ 1.72% ปิดที่ 21,384.49 จุด มีมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นแตะ 6.588 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 8.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)