AGE คาดปี 53 กำไรสุทธิกลับไปใกล้เคียงปี 51 หลังวูบเหลือ10 ลบ.ในปีก่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 17, 2010 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมยศ ฐิติสุริยารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เปิดเผยว่า กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้น โดยจะกลับไปอยู่ในระดับกว่า 120 ล้านบาทใกล้เคียงปี 51 หลังจากที่ร่วงลงไปหนักมากในปีก่อนเหลือกำไรเพียง 10 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้ลูกค้ากลับมาลงทุนและมีการสั่งซื้อถ่านหินเพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่

นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นตาม และในปีนี้ไม่มีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการตั้งสำรองเหมือนปี 52 ที่มีการตั้งสำรองราว 43 ล้านบาท

อนึ่ง ผลประกอบการของ AGE ในปี 51 มีกำไรสุทธิ 123.67 และปี 52 ลดลงเหลือ 10.28 ล้านบาท

นายสมยศ กล่าวว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นมาที่ 4.0% จากปีก่อนอยู่ที 0.6% เนื่องจากปริมาณการใช้ถ่านหินและราคาสถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในปีนี้ที่ 1.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขาย 9.3 แสนตัน ขณะที่ ราคาถ่านหินปรับสูงขึ้นตามความต้องการสินค้าในตลาด โดยจะเป็นการทยอยปรับขึ้นราคา ปัจจุบันอยู่ที่ 90 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปี 52 อยู่ที่ 65 เหรียญฯ/ตัน

บริษัทประเมินว่ารายได้ในปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 2.4-2.5 พันล้านบาท จาก 2.14 พันล้านบาทในปี 52 สอดคล้องกับการทำกำไรจากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรายได้หลักยังมาจากลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหาร 22.45% ปูนซีเมนต์ 21.01% สิ่งทอ 20.49%พลังงาน 12.91% กระดาษ 19.36% และอื่นๆ โดยขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเพิ่มลูกค้ารายใหม่ด้วย

นายสมยศ กล่าวถึงโครงการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ในการนำเข้าและขนส่งถ่านหิน ที่ จ.สมุทรสาครว่า ขณะนี้บริษัทได้รับการอนุมัติโครงการลงทุนดังกล่าวจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว มูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะมีการตั้งบริษัทย่อย คือ บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล ขึ้นมาบริหารโครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จและใช้งานได้ในกลางปี 54 คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนได้ 80-100 บาท/ตัน หรือ 80-100 ล้านบาท/ปี

แต่โครงการดังกล่าวจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อบริษัทในปี 55 และหลังจากนั้นอาจมีการขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยโครงการดังกล่าวสามารถเก็บถ่านหินได้ 9 หมื่น-1 แสนตัน

สำหรับการเจรจาเข้าลงทุนในเหมืองถ่านหินที่ต่างประเทศนั้น ขณะนี้ยังคงเดินหน้าเจรจาอย่างต่อเนื่อง ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ขณะที่แนวโน้มธุรกิจถ่านหินในปีนี้ คาดว่าความต้องการในตลาดจะมีมากขึ้น เห็นได้จากมูลค่าการนำเข้าถ่านหินในประเทศที่มีเพิ่มขึ้น 10% จากปี 52 ที่มีมูลค่านำเข้า 3.7 หมื่นล้านบาท ประกอบราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบปีก่อน เชื่อว่าจะมีการนำเข้าถ่านหินมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ