นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) เปิดเผยว่า การเข้าซื้อกิจการบริษัทฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (ฮัทช์ ) ขณะนี้ได้ผ่านมาการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างรอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ แต่ขณะนี้ล่าช้าออกไปจากผลกระทบการชุมนุมทางการเมือง
หากได้รับการอนุมัติ กสท.ก็จะสามารถรับรู้รายได้ทันที เนื่องจากฮัทช์มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 400 ล้านบาทหรือกว่า 4 พันล้านบาทต่อปี โดยมีลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย
และหากซื้อกิจการสำเร็จ กสท.ก็จะพัฒนาโครงข่ายให้สามารถบริการได้ทั่วประเทศ จากปัจจุบันบริการภาคกลาง 25 จังหวัด พร้อมไปกับการปรับปรุงแผนการตลาดให้เจาะลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยจุดเด่นที่ระบบซีดีเอ็มเอ และกสท.จะลงทุนพัฒนาโครงข่ายระบบ 3G ทำให้คาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20%
"จากเดิมที่คาดว่า การสรุปดีลซื้อฮัทชิสัน จะเสร็จภายในช่วงนี้แต่ก็ล่าช้าออกไปเพราะการเมืองยังมีปัญหา แม้สภาพัฒน์จะอนุมัติแต่ไม่มีการประชุมครม. ทำให้เรื่องนี้ยังไม่จบ" นายจิรายุทธ กล่าว
สำหรับปีนี้ กสท.ตั้งงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท จากงบปกติที่ลงทุน 1 หมื่นล้านบาท โดยงบที่เพิ่มจะนำไปลงทุนฮัทช์ และ มีโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างเตรียมเปิดประมูล อาทิ โครงการไฟเบอร์ทูโฮม มูลค่า 6 พันล้านบาท การขยายเครือข่าย ซีดีเอ็มเอ มูลค่า 3.8 พันล้านบาท
ส่วนรายได้ปีนี้ กสท.ตั้งเป้าเติบโต 5-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมรายได้จากธุรกิจใหม่ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากส่วนแบ่งรายได้สัญญาสัมปทานประมาณ 60%
นายจิรายุทธ กล่าวถึงประเด็นที่ กสท.ยังไม่อนุญาตให้ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และ บริษัท ทรูมูฟ จำกัดในกลุ่มบมจ. ทรู(TRUE) พัฒนาระบบ 3 G บนคลื่นเดิมได้ว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุป กำลังศึกษารวมถึงการตีความ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ กสท.จะพิจารณาเป็นอย่างไร โดยยังมีปัญหาการตีความ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ในมาตรา 22 และมาตรา 13