MCOT คาดปี 53 กำไรโต 7% ทิศทางเดียวกับรายได้-โฆษณาไพร์มไทม์เต็ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 17, 2010 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยใหญ่ บมจ.อสมท(MCOT) เปิดเผยว่า ในปี 53 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 7% ภายใต้คาดการณ์รายได้เติบโต 7-10% โดยหลักจะเป็นรายได้ของธุรกิจโทรทัศน์ ซึ่งภาพรวมอุตสาหกรรมโทรทัศน์ตั้งแต่ต้นปีกลับมาดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือน มี.ค.53 มีอัตราการจองโฆษณาในช่วงไพร์มไทม์เต็ม 100% และ นอน-ไพร์มไทม์ อยู่ที่ 70-80%

"ช่วงที่ผ่านมาเม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อทีวีโตถึง 11-12% แต่บริษัทมีทั้งสื่อวิทยุ และสื่ออื่นๆ รายได้จึงไม่สามารถโตได้เต็มที่ตามเม็ดเงินโฆษณาสื่อทีวี จึงตั้งเป้ารายได้รวมโต 7% และกำไรน่าจะโตได้ในทิศทางเดียวกัน" นายเขมทัตต์ กล่าว

นายเขมทัต กล่าวว่า ในปีนี้แม้ว่าจะเป็นปีที่ดีของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ แต่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณาในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากอสมท.เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 ซึ่งหากอันดับ 1 และ 2 ปรับขึ้นค่าโฆษณา ก็เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินบางส่วนไหลมาที่เรา

สำหรับรายการในช่วงเวลา นอน-ไพร์มไทม์ของ อสมท.ยังเหลือ 30% บริษัทจึงจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ และทำการตลาดแบบลดและแถม พร้อมทั้งจะมีรายได้จากสื่อใหม่ๆ รวมถึงรายได้จากเม็ดเงินโฆษณาจากทรูวิชั่นส์ และรายได้จากช่องรายการ 5 ช่องที่ทรูวิชั่นส์ว่าจ้างให้บริษัทผลิตรายการและรับรู้รายได้จากค่าโฆษณา คาดว่าจะเป็นหลักร้อยล้านบาท

นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทยังมีรายการเรียลิตี้โชว์ ซึ่งให้ความสำคัญมาตลอดเพื่อแข่งขันกับช่วงละครทีวี โดยปีนี้จะมี 7-8 รายการ คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยมีรายการเด่น คือ เดอะสตาร์ฯ ซึ่งเริ่มออกอากาศเพียงสัปดาห์แรกมีการตอบรับดีมาก และมีโฆษณาเต็มและได้อัตราค่าโฆษณาที่ดี นอกจากนี้ยังมี อะคาเดมี แฟนตาเซีย ซีซั่น 7(AF7) , ซุปเปอร์สตาร์ และ เรียลลิตี้รูปแบบใหม่อีก 2 รายการ คาดว่าจะได้เห็นในช่วงครึ่งหลังปี 53

"ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับการจัดกิจกรรม มีรายการโปรแกรมพิเศษ เพราะมีกีฬาสำคัญเช่นฟุตบอลโลก และเอเชี่ยนเกมส์ เข้ามาช่วงครึ่งปีหลัง" นายเขมทัตต์ กล่าว

ด้านนายธนวัต วันสม ผู้อำนวยการใหญ่ MCOT กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อพัฒนาคอนเทนท์ ให้บริการผ่านสื่อของ กสท.มีทั้ง CAT TV และ CAT CDMA ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงการโทรคมนาคม ซึ่งในอนาคตหากธุรกิจเติบโตมากขึ้นจะมีการพัฒนาโดยการตั้งบริษัทร่วมทุน โดยทั้ง MCOT และ กสท. เป็นรัฐวิสาหกิจ จึงไม่ใช่เรื่องยากในการดำเนินการ

สำหรับการชำระส่วนเพิ่มค่าสัญญาสัมปทานของ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำนวน 405 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณามาตรา 13 ของ พ.ร.บ.การให้เอกชนเข้าร่วมการงานของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุน) ซึ่งจะครบกำหนดอายุสัมปทานในวันที่ 25 มี.ค.53 หรือไม่ เป็นเรื่องของคณะกรรมการฯพิจารณา ส่วนอัตราส่วนเพิ่ม ประธานคณะกรรมการ MCOT ได้ให้ความเห็นแล้ว จึงไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้อีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ