นายสิริชัย ตันติพงศ์อนันต์ ประธานนเจ้าที่ฝ่ายการเงินบมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่(GRAMMY)กล่าวว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในปี 53 จะสูงกว่าปี 52 หลังจากเคเบิ้ลทีวีเข้าสู่จุดคุ้มทุน แต่ในช่วงกลางปีบริษัทอาจจะมีการทบทวนเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้จากที่คาดไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 12-15%
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส1/53 รายได้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผู้บริโภคใช้จ่ายลดลง และสถานการณ์การเมืองในช่วงนี้ยังคงมีผลกรทบต่อการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก โดยในการทบทวนประมาณการรายได้ในปีนี้จะมีการประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 200 ล้านบาทเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือ และยังมองโอกาสที่จะเปิดช่องทีวีดาวเทียมเพิ่มเติม หลังจาก 4 ช่องเดิมคาดว่าจะคุ้มทุนภายในปลายปีนี้ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่คาดว่าจะคุมทุนใน 3-5 ปี หากลงทุนเพิ่มช่องรายการก็จะใช้เงินลงทุนมากกว่า 200 ล้านบาทที่ตั้งเป้าไว้และเบื้องต้นเนื้อหารายการต้องแตกต่างจาก 4 ช่องที่เน้นรายการบันเทิง
ด้านธุรกิจดิจิตอล คาดว่าจะเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 920 ล้านบาท เนื่องจากการดาวน์โหลดเพลงยังเติบโตต่อเนื่องและมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ส่วนรายได้จากการขายแผ่นวีซีดีและดีวีดียังคงไม่ดีต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดว่าธุรกิจของอินเด็กซ์ อีเวนต์ ยังเติบโต 10-15% รวมทั้งธุรกิจวิทยุปีนี้คาดว่าดีกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 580 ล้านบาท โดยได้รับผลดีจากการที่เม็ดเงินโฆษณาดีขึ้นทั้งจากสินค้าอุปโภคบริโภคและสถาบันการเงิน
ขณะที่งานโชว์บิซในปีนี้ ยังคงมีต่อเนื่อง แต่คาดว่ารายได้ทรงตัวจากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกมีงานคอนเสิร์ต อาทิ This is it และจะมีคอนเสิร์ตธงไชย แมคอินไตย ช่วงเดือน พ.ค.ในไทย และจะเดินสายทัวร์ไปยังต่างประเทศ ทั้งที่นิวยอร์คและแอลเอ สหรัฐอเมริกา
ส่วนธุรกิจภาพยนตร์ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้น้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากปีที่แล้วภาพยนตร์"รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ทำสถิติรายได้สูงสุด และปีนี้ช่วงเดือน มี.ค. มีภาพยนตร์ บ้านฉันตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) แต่ก็ได้รับผลกระทบการเมือง โดยปีนี้บริษัทนำภาพยนตร์ออกฉาย 4 เรื่องเท่ากับปีก่อน