นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เด็มโก้ (DEMCO)ผู้นำธุรกิจด้านงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าครบวงจร รวมถึงผลิตและจำหน่ายเสาโครงเหล็ก สำหรับ งานด้านไฟฟ้า โทรคมนาคมให้กับภาครัฐและเอกชน เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามในสัญญารับงานก่อสร้างกับ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่ารวม 2,663 ล้านบาท ครอบคลุมงานปรับปรุงพื้นที่โครงการ งานก่อสร้างถนน ก่อสร้างฐานสำหรับติดตั้งกังหันลม งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าใต้ดิน ระบบสายส่งแรงสูง ที่เรียกรวมกันว่างาน Balance of Plant สำหรับโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 1 และ ห้วยบง 2 จ.นครราชสีมา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการปรับเพิ่มมูลค่างานในสัญญา Balance of Plant กับ บริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในส่วนของโครงการเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จากเดิม 800 ล้านบาท เพิ่มเป็น 900 ล้านบาท เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกังหันลม ( Wind Turbine)
"งานครั้งนี้ถือเป็นการเซ็นสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยเด็มโก้จะเป็นผู้รับผิดชอบงาน Balance of Plant ทั้ง 3 โครงการ ซึ่งรวมการได้ ปรับเพิ่มมูลค่างานในสัญญาของโครงการเขาค้ออีก 100 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท ทำให้มูลค่างานทั้งหมดที่จะเป็นของบริษัทรวมกว่า 3,560 ล้านบาท" นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือได้ลงนามในสัญญาซื้อกังหันลม (Wind Turbine) กับกลุ่มบริษัท ซีเมนส์ วินด์ พาวเวอร์ และบริษัท ซีเมนส์ ไทยแลนด์ จำกัด สำหรับใช้ในโครงการห้วยบง 1 และ2 กำลังการผลิตโครงการละ 90 เมกะวัตต์ และ โครงการเขาค้อ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการทั้งหมดถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง
และหลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการสำรวจ ออกแบบ และดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งโครงการห้วยบง คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างประมาณ 15 เดือน โดยจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงต้นไตรมาส 3/53
นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการรับงานก่อสร้างโครงการพลังงานลม มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/53 ประมาณ 600 ล้านบาท หลังจากที่ได้การก่อสร้างในเดือน ส.ค. และในปี 54 จะรับรู้ส่วนที่เหลือประมาณ 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังรองานประมูลมูลค่า 5,600 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงาน 25% ของมูลค่างานดังกล่าว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีงานในมือ (backlog) มากขึ้น จากปัจจุบันมี backlog 2.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 53 จะเพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่อยู่ในระดับ 12% เนื่องจากงานก่อสร้างโครงการพลังงานลมที่เซ็นสัญญาในวันนี้ มีอัตรากำไรขั้นต้นแล้ว 15% ขณะที่ปี 53 ตั้งเป้ารายได้ที่ 5,000 ล้านบาท และแนวโน้มรายได้ไตรมาส 1/53 คาดว่าอยู่ระดับใกล้เคียงไตรมาส 4/52
และบริษัทมีแผนระยะยาวในช่วง 5 ปีนี้ ที่จะหันไปรับงานต่างประเทศในแถบประเทศเพื่อนบ้าน และจะเน้นโครงการพลังงานทดแทน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจร่วมมือกับบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ในการรับงานต่างประเทศ และอาจมีแผนเพิ่มทุนเพื่อรองรับงานในอนาคต
สำหรับแหล่งทุนเพื่อใช้ในการลงทุนของบริษัท จะนำมาจากการแปลงสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (DEMCO-W1) ที่จะครบกำหนดใช้สิทธิวันที่ 25 มี.ค.53 และ DEMCO-W2 ครบกำหนดใช้สิทธิ มิ.ย.53 รวมแล้วน่าจะได้เงินทุนประมาณ 430 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ประมาณ 3,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนจะย้ายจากตลาด mai เข้า ตลาดหลักทรัพย์ SET เนื่องจากมองว่ายังได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากัน