"ภัทรียา"ตอบคำถามเสื้อแดง ยันตลาดหุ้นดีขึ้นจากปัจจัยใน-ตปท.เอื้ออำนวย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 18, 2010 15:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขอให้ ตลท.ตรวจสอบความผิดปกติของตลาดหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งปัจจัยทั้งภายนอกที่เอื้ออำนวย และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศและปัจจัยพื้นฐานตลาดหุ้นไทยที่แข็งแรงสนับสนุน

สำหรับปัจจัยภายนอก คือ สภาพคล่องในตลาดทุนโลกที่ยังมีอยู่สูง รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปอีกระยะหนึ่งเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนจากการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิม ทำให้ผู้ลงทุนโดยเฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วต้องการหาแหล่งลงทุนใหม่ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น

ประกอบกับการที่ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับประเทศในแถบยุโรปที่ยังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เปราะบางและปัญหาการชำระหนี้สาธารณะของภาครัฐ ทำให้ตลาดหุ้นในเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนต่างประเทศค่อนข้างมาก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นในภูมิภาคและตลาดหุ้นไทยต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ส่วนปัจจัยภายในที่เป็นปัจจัยบวก คือ พื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและของตลาดหุ้นไทยที่ยังคงมีความแข็งแรง สะท้อนจากเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภาพรวมและระดับภาคธุรกิจที่ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 4/52 GDP ของไทยขยายตัวถึง 5.8% เทียบกับไตรมาส 4/51 ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนประจำปี 52 ปรับสูงขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับปี 51

นอกจากนี้ อัตราเงินปันผลตอบแทน(Market Dividend Yield)จากการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน ณ 16 มี.ค. 53 อยู่ที่ 3.51% ซึ่งอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์ในภูมิภาค

อีกทั้งยังมีมุมมองที่ดีขึ้นของนักวิเคราะห์ เช่น ฝ่ายวิจัยของ Morgan Stanley ได้แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทย(จาก equal-weight มาเป็น overweight) เนื่องจากกราคาหุ้นไทยยังถูก โดยดูจาก Forward P/E (อัตราส่วนระหว่างราคาหุ้นปัจจุบันต่อกำไรคาดการณ์ต่อหุ้น) ที่ระดับ 11.4 เท่า (ณ วันที่ 16 มีนาคม 53) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเหตุการณ์ชุมนุม โดยนับจนถึงวันที่ 17 มี.ค. 53 มีมูลค่าซื้อสุทธิรวม 32,006 ล้านบาท และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว

"แม้เศรษฐกิจไทย ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านสถานการณ์ทางการเมือง แต่นักลงทุนต่างชาติได้รับทราบสถานการณ์การเมืองของไทยมาโดยตลอด และอาจมีการประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ จึงยังคงมีความมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย" นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ มีการปรับตัวตามปัจจัยต่าง ๆ ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ลงทุนควรต้องมีการติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ สำหรับการตัดสินใจลงทุน

สำหรับมาตรการเพิ่มการดูแลความปลอดภัยของอาคารตลท.นั้น ตลท.ได้ประสานงานกับสถานีตำรวจลุมพินี ที่พร้อมจะเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยของอาคาร และพร้อมจะปฏิบัติงานได้ทันที โดยมั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน และระบบงานสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ