ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 45.50 จุดหลังสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ลดลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 19, 2010 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ที่ทรงตัวในเดือนก.พ.ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 45.50 จุด หรือ 0.42% แตะที่ 10,779.17 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับลง 0.38 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 1,165.83 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 2.19 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,391.28 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.66 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้วลดลง 5,000 ราย มาอยู่ที่ระดับ 457,000 ราย ซึ่งแม้ว่ายังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 455,000 ราย แต่ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวแล้ว

ขณะที่สำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.ปรับตัวขึ้น 0.1% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีซีพีไอซึ่งเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ ทรงตัวในเดือนก.พ. ส่วนดัชนีซีพีไอพื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ดัชนีซีพีไอที่ย่ำฐานทรงตัวในเดือนก.พ.ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขยายเวลาการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ โดยก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ทั่วไป ร่วงลง 0.6% ในเดือนก.พ. หลังเพิ่มขึ้น 1.4% ใน เดือนม.ค. ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นมา และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 0.2% เนื่องจากราคาพลังงานปรับตัวลดลง และสะท้อนให้เห็นว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มลดลง

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ โดยล่าสุดมีรายงานว่านายไมเคิล เมสเตอร์ หัวหน้าโฆษกฝ่ายการเงินของนางแองเจลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า กรีซควรหันไปพึ่งพากองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หากจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน ซึ่งความเคลื่อนไหวของเยอรมนีในครั้งนี้สะท้อนว่าเยอรมนีมีความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากบรรดาผู้นำยุโรป

นอกจากนี้มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีแมร์เคลยังแสดงความต้องการให้ยูโรโซน ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศ สามารถขับชาติสมาชิกที่ละเมิดกฎออกจากกลุ่มได้ในอนาคตหากจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ