บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ (SITHAI) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกชั้นนำของประเทศ ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับ บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บมจ.ปตท. (PTT) , LyondellBasell และบริษัทเอกชนไทย เรื่อความร่วมมมือเพื่อพัฒนาพลาสติกพอลิโพรพิลีนในแบบยั่งยืน
เป้าหมายการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกพอลิโพรพิลีนเพื่อให้มีคุณภาพสูง ตรงต่อความต้องการของตลาด โดยคำนึงถึงผลกระทบในทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเป็นแนวทางพัฒนา
นายนีลส์ นีลเซน ประธานบริษัท เอ็ชเอ็มซีฯ กล่าวว่า แนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกพอลิโพรพิลีนในปัจจุบันควรเน้นการพัฒนาแบบยั่งยืน มีการใช้เทคโนโลยีและความรู้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงขึ้น และนำไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีนำหนักลดลง ใช้วัตถุดิบลดลงและคุ้มค่ามากขึ้น และเป็นการลดขยะพลาสติก
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ เอ็ชเอ็มซี พัฒนาร่วมกับ SITHAI จะเน้นเรื่องสมบัติการขึ้นรูปที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลดน้ำหนักของวัตถุดิบต่อหนึ่งหน่วยผลิตภัณฑ์ ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการแปรรูป โดยสมบัติการใช้งานยังคงมีความแข็งแรงเทียบเท่าหรือมากกว่าผลิตภัณฑ์เดิม และความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ครั้งนี้จะนำไปสู่ตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์พอลิโพรพีลีนที่ไหลตัวได้ดีขึ้น สำหรับงานถ้วยผนังบาง งานถังสี และงานกล่องแบตเตอรี่
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ SITHAI กล่าวว่า ราคาเม็ดพลาสติกพอลิโพรพิลีน ขณะนี้ราคาปรับขึ้นตลอดเวลา แต่ราคาปรับขึ้นไม่น่ากลัวเท่ากับการไม่มีสินค้าส่งให้ลูกค้า เพราะเชื่อว่าโรงงานทุกโรงพร้อมจะเพิ่มกำลังการผลิต แต่สิ่งสำคัญ ก็คือ ปัญหามาบตาพุด ถ้ารัฐบาลไม่กล้าชี้ขาดเรื่องนี้ก็จะเป็นปัญหาต่อไป โดยเฉพาะซัพพลายที่อาจไม่พอกับความต้องการ แต่คาดว่าในเดือน พ.ค.สถานการณ์น่าจะคลี่คลายด้วยดี
"สิ่งสำคัญก็คือ รอนายกฯกล้าตัดสินใจเรื่องมาบตาพุด ถ้าทำเร็วก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับ private sector ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว ขาดแต่ความเชื่อมั่น ถ้าแก้ปัญหามาบตาพุดได้ ปัญหาซัพพลายก็อาจคลี่คลายไปได้ และการลงทุนใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็คงจะเกิด เชื่อว่าจีดีพีของประเทศก็จะโต 5.5% ได้ ถ้าแก้ปัญหามาบตาพุดเสร็จภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า"นายสนั่น กล่าว