6 โบรกเกอร์แนะซื้อหุ้น บมจ.ศุภาลัย(SPALI)มองทิศทางผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง จากยอดขายรอโอน(backlog)ที่สะสมไว้เป็นจำนวนมากกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า และยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ในปีนี้อีก 15 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนการทำรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทในอนาคต
ผลประกอบการในปีนี้ยังคงแข็งแกร่ง หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 52 คาดว่าปีนี้รายได้อยู่ในช่วง 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท แต่กำไรอยู่ในระดับ 2.2 พันล้านบาท แม้อาจจะลดลงจากปีที่แล้วไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน ๆ ซึ่งจะทำให้งวดปีนี้บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ดีต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของ SPALI ยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และมีข้อจำกัดจากการที่รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.เกียรตินาคิน ทยอยซื้อสะสม 7.75 บล.ไอร่า ซื้อเมื่ออ่อนตัว 8.40 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 8.40 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 8.00 บล.ซิกโก้ ซื้อ 7.25 บล.โกลเบล็ก ซื้อ 9.30
น.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า หุ้น SPALI ยังมีความน่าสนใจลงทุน โดยพิจารณาจากงานที่อยู่ในมือ(backlog)ที่มีอยู่กว่า 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปี อีกทั้งมองว่าในปีนี้บริษัทยังจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7% จากปี 52 ที่จ่ายปันผลในครึ่งปีหลังอัตรา 0.35 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 5.2%
ทั้งนี้ ในปี 53 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ประมาณ 10,277 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,245 ล้านบาท ซึ่งรายได้ใกล้เคียงกับปี 52 แต่กำไรอาจลดลง เนื่องจากถูกจำกัดจากการที่รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรกาภาษีอสังหาริมทรัพย์ และอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่บริษัทมีการขายสินค้าทั้งโครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียม
"มองว่า SPALI ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของงาน และ backlog ที่มีอยู่จำนวนมาก แต่ทั้งนี้อยู่ภายใต้การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ ขณะที่หากการเมืองยืดเยื้อ อาจจะกระทบต่อกำลังซื้อได้"นางสาววิชชุดา กล่าว
ขณะที่นายวิชัย แสงบุษราคัม นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า ระบุว่า ปีนี้บริษัทพัตนาอสังหาได้รับแรงหนุนจากการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยลบที่อาจกดดันและทำให้เกิดการทบทวนปรับแผนการลงทุน คือปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองที่ต้องติดตามใกล้ชิดต่อไป หลังขาดแรงหนุนสำคัญ คือการที่รัฐบาลยกเลิกต่ออายุมาตรการอสังหาฯไปแล้ว
ประมาณการรายได้ SPALI ในปี 53 คาดว่าอยู่ที่ 11,437 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 18.9% และกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,194 ล้าบาท ลดลงจากปีก่อน 11.4% และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ประมาณ 41.5% ต่ำกว่าปี 52 ที่อยู่ 43.4%
รายได้ในปี 53 มาจาก backlog ที่พร้อมโอนในปีนี้ประมาณ 7,500 ล้านบาท หรือ 65.58% ของประมาณรายได้ปีนี้ และประเมินปีถัดไป 5,790 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเปิดโครงการใหม่ 15 โครงการ เน้นระดับราคาสูงขึ้น เป็นแนวราบ 10 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท และแนวสูง 5 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ ระบุว่า ปี 52 เป็นปีที่ SPALI ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยกำไรสุทธิ 2.48 พันล้านบาท เติบโตถึง 132% จากการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น 57% ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีมาร์จิ้นสูงมากขึ้น และได้รับประโยชน์จากมาตรการลดหย่อนภาษีและค่าธรรมเนียมฯของภาครัฐ ประกอบกับ ฐานะการเงินดีขึ้น
ส่วนปี 53 บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่าง Aggressive โดยคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทยังคงแข็งแกร่งต่อในปี 53 โดยมีแรงหนุนจากยอดขายรอรับรู้รายได้(Backlog)ที่สูงมากถึง 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้จำนวน 7,500 ล้านบาท และในปี 54 อีก 5,800 ล้านบาท และยังมีมีมูลค่าโครงการในมือพร้อมขาย 14,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเปิดขายโครงการใหม่ 15 แห่ง มูลค่า 15,000 ล้านบาท โดยยอดขาย Presales ตั้งแต่ต้นปี 53 ถึงปัจจุบันมีแล้วกว่า 1,850 ล้านบาท จากทั้งปีที่ตั้งเป้ายอดขาย Presales ที่ 15,000 ล้านบาท
บล.ดีบีเอสฯ มองว่าแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นมามาก แต่ปัจจุบัน มีการซื้อขายหุ้นที่ P/E ปี 53 ต่ำเพียง 4.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าเฉลี่ยของกลุ่ม และยังให้ผลตอบแทนในรูปปันผลสูงถึง 9.8% จึงมองว่า SPALI เป็นหนึ่งในหุ้น Top Pick ของกลุ่มที่พักอาศัย เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์หลากหลายทั้งแนวราบและแนวสูง Backlog สูงมาก และทีมผู้บริหารที่แข็งแกร่ง