หุ้น TCB ราคาพุ่งขึ้น 9.17% มาอยู่ที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.18 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.51 น. โดยเปิดตลาดที่ 21.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 21.90 บาท
Fund Survey Scanning Stocks บล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยคาร์บอนแบล็ค(TCB) โดยมีกำลังการผลิตเต็มที่แล้วใน Q4/52 และคาดว่าอยู่ในลักษณะนี้ใน H1/53 ขณะที่คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นจากอุปสงค์รวมตลาดรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
ด้านต้นทุนการผลิตซึ่งอิงกับราคาน้ำมันในตลาดโลกปรากฏว่า ขยับขึ้น 3% จากเฉลี่ย $76/bbl ใน Q4/52 ขึ้นมาอยู่ที่ $78.5/bbl ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ แต่คาดว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลให้บริษัทสามารถปรับราคาขายตามได้ โดยสามารถรักษาระดับ Gross Margin ได้ในระดับเดียวกันกับไตรมาสที่แล้ว
นอกจากนี้ ใน Q3/53 เครื่องจักรใหม่ที่จะเริ่มผลิตได้เพิ่มอีก 40% ทำให้ประมาณการ EPS ปี 53 อยู่ที่ 5 บาท/หุ้น หรือเพิ่มขึ้น 38% จากปี 52 โดยให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 50 บาท จากเดิมที่ 24.4 บาท หรือมี Upside 100.5% (ค่าเฉลี่ย PE ของกลุ่ม Petro และ Auto ที่ 10 เท่า)
TCB ผลิต Carbon Black ที่ผลิตจาก Carbon Black Feed Oil(อิงกับราคาน้ำมันดิบ) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยางรถยนต์และจักรยานยนต์ โดยมีสัดส่วนตลาดในประเทศอันดับหนึ่งสูงถึง 56% บริษัทมีกำไรสุทธิ 878 ล้านบาทในปี 52 เพิ่มขึ้น 374% จากปี 51 เนื่องจากต้นทุนขายลดลง โดยวัตถุดิบหลักคือ น้ำมันหนืด ซึ่งเป็นสินค้าที่อิงกับราคาในตลาดโลก มีราคาลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ดี ยอดขายที่ลดลงได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน Q4/52 ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก และยอดผลิตรถยนต์ในประเทศเดือน ม.ค.สูงอย่างต่อเนื่องเกิน 100,000 คันต่อเดือน ทำให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ใหม่มาที่ 1.4 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งกระตุ้นตลาดโดย 2 รุ่นใหม่ คือ มาสด้า 2 ซีดาน และนิสสัน มาร์ช (ECO CAR) ที่กำลังเป็นที่จับตา น่าสนใจในแง่ของราคาและคุณภาพ
และหลังจากนี้คาดกว่าจะมีการเปิดตัวรถ ECO CAR เพิ่มขึ้นอีกหลายรุ่นในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ตลาดรถยนต์คึกคัก และน่าจะเป็นปีทองของตลาดยางรถยนต์ที่จะมีความต้องการยางมากกว่า 17 ล้านเส้นต่อปี เป็นรถยนต์ใหม่ 7 ล้านเส้น และรถยนต์ที่ต้องเปลี่ยนยางทดแทน 10 ล้านเส้น