บมจ.เนชั่นมัลติมิเดีย กรุ๊ป(NMG) คาดว่าในปี 53 รายได้รวมจะเติบโตราว 10-15% ตามเม็ดเงินในธุรกิจโฆษณาที่ปรับตัวดีขึ้น และเชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่คาดการณ์ไว้ก็น่าจะทำให้บริษัทพลิกเป็นกำไรได้ เนื่องจากธุรกิจทุกกลุ่มในเครือปรับตัวดีขึ้น
ส่วนการนำ บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์(NINE) เข้าตลาดหุ้นนั้น คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3/53 หรือไตรมาส 4/53 นี้
นายธนะชัย สันติชัยกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NMG กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/53 มองว่าการทำรายได้ของบริษัทน่าจะเติบ 10-15% ตามเป้าหมาย เนื่องจากแนวโน้มอุตสาหกรรมโฆษณาดีขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจทีดีขึ้น
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/53 รายได้น่าจะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากขณะนี้ลูกค้าและเอเจนซี่ยังไม่มีการยกเลิกการจองโฆษณา โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง ก็ไม่พบว่ามีลูกค้าแจ้งขอยกเลิก แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์การชุมนุมต่อไป ซึ่งยังไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบต่อธุรกิจได้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นบริษัทคาดว่า ปี 53 จะพลิกกลับมามีผลกำไรได้ หากสถานการณ์ไม่พลิกผันและการเมืองนิ่ง แต่ไตรมาส 1/53 ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะพลิกมีกำไรได้หรือไม่ แต่มองว่าปีนี้สถานการณ์ทุกด้านดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดโฆษณา ขณะที่ต้นทุนบริษัทยังคงเดิม ดังนั้น เมื่อตลาดโฆษณาดีขึ้น และ บมจ.เนชั่นบรอดแคสติ้ง(NBC) ซึ่งเป็นบริษัทลูก มีผลประกอบการที่ดี น่าจะส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 1/53 ดีต่อเนื่อง
ดังนั้น กลุ่ม NMG ในปีนี้น่าจะเติบโตในทุกธุรกิจ ทั้งธุรกิจทีวีที่ยังเติบโตได้ดี ขณะที่ธุรกิจเคเบิลทีวี และแซทเทิลไลท์ทีวี ที่มีการเติบโตที่ดีขึ้นมาก
"ปีนี้บริษัทลูกน่าจะทำให้บริษัทแม่ดีขึ้น ส่วนราคากระดาษ ราคาสต็อคเริ่มลดลง แม้ตอนนี้ราคากระดาษจะ swing พอสมควรแต่ไม่ได้ส่งผลอะไร เพราะมีกระดาษสำรองไว้ใช้ทั้งปี... ปีนี้น่าจะเป็นบวกทุกธุริจ เพราะภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการแต่ละ sector และพยายามลด cost ภายในด้วย" นายธนชัย กล่าว
นายธนะชัย กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม เนื่องจากต้องการเก็บกระแสเงินสด(cash flow)ไว้ และไม่ต้องการสร้างภาระหนี้สินเพิ่ม ขณะเดียวกัน บริษัทก็พร้อมจะเปิดกว้างรับพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่ หลังจากได้มีการเตรียมจัดโครงสร้างองค์กรในลักษณะหน่วยธุรกิจ(business unit) เพื่อให้โครงสร้างรายได้ธุรกิจมีความชัดเจน แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการเจรจากับรายใด
ส่วนภาระขาดทุนสะสมที่มีอยู่ 800-900 ล้านบาท ต้องต้องพิจารณาจังหวะในการล้างขาดทุนสะสมให้เหมาะสม ก่อนจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผล
สำหรับบริษัท NINE คาดว่านำเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในไตรมาส 3-4/53 ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ และรอตัวเลขผลประกอบการที่ชัดเจน