ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่ากลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังเผชิญความยากลำบากในการควบคุมหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ลดลง 5.58 จุด หรือ 0.1% ปิดที่ 5,644.54 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลง หลังจากนายจอห์น ลิปสกี้ รองผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟเตือนว่า กลุ่มชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการรับมือกับหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง พร้อมกับแสดงความเห็นว่าการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจไม่ช่วยให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณลดลงไปอยู่ในระดับปกติได้
"ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในกลุ่ม G7 ยกเว้นแคนาดาและเยอรมนี จะมีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อตัวเลขจีดีเกือบจะ หรือ มากกว่า 100% ภายในปีพ.ศ.2557 เนื่องจากการทุ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านประกันสุขภาพและการจ่ายเงินบำเน็จบำนาญ และการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณลดลงไปอยู่ที่ระดับปกติได้" นายลิปสกี้กล่าวในที่ประชุม China Development Forum ที่กรุงปักกิ่ง
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 0.8% หลังจากมีรายงานว่ารอยัล ดัทช์ เชลล์ และปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและแก็สรายใหญ่ที่สุดของจีน เข้าซื้อกิจการของบริษัท แอร์โรว์ เอ็นเนอร์จี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านพลังงานของออสเตรเลีย มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 3.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ปิดลบ 2% หุ้นบีจี กรุ๊ป ปิดลบ 1.8% หุ้นเคร์น เอนเนอร์จี ปิดร่วง 1.4%