(เพิ่มเติม) TYONGรับรู้กำไรจากBTSเต็มที่งวดปี53,คาดเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อหุ้น พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 23, 2010 14:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ธนายง(TYONG)ระบุว่าการตัดสินใจเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บีทีเอส หรือ BTSC) เนื่องจากเชื่อว่าธุรกิจการให้บริการรถไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่ดี มีโอกาสในการเติบโตสูง ตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 42 บีทีเอสมีจำนวนผู้โดยสารและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบีทีเอสให้บริการผู้โดยสารมากกว่า 450,000 คนต่อวันทำงาน และเพื่อรองรับความต้องการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บีทีเอสมีแผนจะเพิ่มจำนวนรถให้บริการอีกประมาณ 50% ซึ่งจะทำให้สามารถให้บริการผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน สำหรับโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าที่รัฐดำเนินการอยู่นั้น บีทีเอสจะเป็นผู้ที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากการส่งต่อผู้โดยสารเข้ามาในระบบรถไฟฟ้าของบีทีเอส ซึ่งได้รับสัมปทานจาก กทม.

นอกจากนั้น บีทีเอสยังมีข้อได้เปรียบในการให้บริการส่วนต่อขยายจากความสามารถในการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะให้ความสะดวกแก่ผู้โดยสารมากกว่า จากการเป็นผู้ให้บริการรายเดียวกัน บริษัทเชื่อว่าธุรกิจการให้บริการรถไฟฟ้าของบีทีเอส จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจของธนายง และสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงต่อผู้ถือหุ้นของธนายง

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ TYONG กล่าวว่า ในงวดปี 53 ธนายง จะรับรู้รายได้และกำไรจาก บีทีเอส ได้เต็มปี (เม.ย.53- มี.ค.54) จะทำให้รายได้กำไรของ ธนายงเติบโตมาก จากงวดปี 52 (สิ้นสุด มี.ค.53) ที่คาดว่าจะมีกำไรประมาณ 10 ล้านบาท ขณะที่ คาดว่าสิ้นงวดปี 52 (สิ้นสุด มี.ค.53) บีทีเอสจะมีกำไรสุทธิประมาณ กว่า 2 พันล้านบาท

หลังจาก ธนายงเข้าถือหุ้นใหญ่ในบีทีเอส ก็จะปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งจะมีรายได้หลักจากการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ประมาณ 85% ของรายได้รวม และจะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ธนายงจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยเฉพาะโครงการอสังหารริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้า นอกเหนือโครงการที่อยู่นอกเส้นทางรถไฟฟ้า

ทั้งนี้ ธนายงมีแผนเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในกรุงเทพในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และจะเน้นการสร้างแบรนด์ด้วย

บริษัทจะมีรายได้จากการรับบริหารสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าบีทีเอส และจุดขายต่างๆในห้างสรรพสินค้า ผ่าน บริษัทื วีไอจี โกลบอล มีเดีย จำกัด ซึ่งบีทีเอสถือ 100% โดยทำรายได้ประมาณปีละ 1,100-1,200 ล้านบาท และ บริษัท Bangkok Smart Card ที่จะร่วมกับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ(BMCL) ทำตั๋วร่วมที่จะให้บริการต้นปี 54

นายคีรี เปิดเผยว่า บริษัทจะเข้าเจรจาและตกลงทำสัญญาเพื่อซื้อหุ้นสามัญของบีทีเอสจาก Siam Capital Developments (Hong Kong) Limited, Keen Leader Investments Limited, และหุ้นที่ถือในนามส่วนตัวของตนเอง รวมถึงการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดจาก บริษัท สยาม เรลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบีทีเอส รวมประมาณ 15,022.33 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 94.60% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของบีทีเอส คิดเป็นมูลค่ารวม 40,034.53 ล้านบาท

บริษัทจะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด 20,655.71 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทอีกประมาณ 28,166.88 ล้านหุ้นที่ราคาหุ้นละ 0.688 บาท คิดเป็นมูลค่า 19,378.81 ล้านบาท เพื่อชำระค่าหุ้น โดยบริษัทจะดำเนินการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน จำนวนรวม 22,000 ล้านบาท เพื่อใช้ชำระค่าหุ้นในส่วนที่เป็นเงินสดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบีทีเอสแล้ว บริษัทจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 12,000 ล้านบาทให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนของหุ้น(Rights Offering) เพื่อนำมาชำระเงินคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจาก 2.2 หมื่นล่านบาทที่ได้นำไปซื้อหุ้นบีทีเอส และการชำระหนี้ที่เหลืออีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จะมาจากเงินที่ใชิ้สิทธิวอแรนท์ และกำไรจากการดำเนินงาน

ในกรณีที่มีหุ้นเหลือจากการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม บริษัทจะทำการจัดสรรหุ้นที่เหลือโดยเสนอขายแก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (Private Placement) นอกจากนั้น เพื่อเป็นสิ่งตอบแทนและเป็นการจูงใจในการจองซื้อหุ้น

และจะออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) โดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ลงทุนทุกรายที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนดังกล่าว โดยใบสำคัญแสดงสิทธิมีอายุ 3 ปี สามารถเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกได้เมื่อครบ 2 ปี นับจากวันที่ออก มีราคาใช้สิทธิที่ 0.70 บาท ต่อหุ้น

ทั้งนี้ คาดว่าการซื้อหุ้นและการรับโอนกิจการจากผู้ถือหุ้นบีทีเอสจะแล้วเสร็จภายในต้นเดือน พ.ค.53 โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 เม.ย.53

"ตลอดเวลาที่ผ่านมา บีทีเอสมีความตั้งใจทำ IPO อยู่แล้ว เราก็เคยได้รับอนุมัติ แต่ทุกครั้งที่เลื่อนเพราะภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้อ ...จนวันนี้ เราก็คิดว่าทำไมเราไม่ไปเสริมธุรกิจธนายง เป็นการ synergy เป็นการปรับปรุงโครงสร้างเพื่อให้การทำงานได้ดึขึ้น ผมเรียกว่า งูกินช้าง คือเป็นการ Reverse Takeover(RTO)"นายคีรี กล่าว

นอกจากนี้ ธนายงจะเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆของบีทีเอส ที่เหลือรวม 5.4% จำนวนผู้ถือหุ้นประมาณ 500 ราย โดยจะซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 0.60 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

อนึ่ง บล.ภัทร เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในดีลนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ