นางภัทรียา เบญพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ถึงแม้ว่าช่วงนี้ยังจะเห็นเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกคนก็ควรจะต้องติดตามทิศทางการไหลและการหมุนเวียนของเงินทุนดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ ซึ่งสามารถดูได้จากข้อมูลของตลท.
"ให้นักลงทุนดูจากเม็ดเงินที่เข้ามาต้องติดตามให้รอบคอบ ช่วงภาวะขาขึ้นตลาดปรับขึ้นมาค่อนข้างมากช่วงนี้เป็นช่วงเงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนด้วย และต้องดูข้อมูลพื้นฐานของประเทศ เพราะถ้าขึ้นมาก็ต้องเทียบพื้นฐานของประเทศให้รอบคอบ"นางภัทรียา กล่าว
ส่วนเงินทุนที่ยังไหลเข้าประเทศช่วงนี้จะเป็นเงินลงทุนระยะสั้นหรือไม่นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ต้องดูการเคลื่อนย้ายเงินทุนทั้งภูมิภาค ซึ่งการเคลื่อนย้ายเงินทุนทำได้เร็ว จึงอยากให้ผู้ลงทุนติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายการลงทุนของต่างประเทศว่าเป็นอย่างไร และก็ต้องพิจารณาข้อมูลพื้นฐานของแต่ละประเทศและกำไรบริษัทจดทะเบียนในประเทศนั้น ๆ ด้วย
สำหรับการปรับตัวแข็งค่าของเงินบาทในระยะนี้ มาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้น การที่ต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกับต่างประเทศยังสูง การลงทุนตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่จูงใจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เสียเปรียบด้านการแข่งขันกับต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดที่อาจจะผันผวนบ้างในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เป็นเรื่องของปัจจัยภายนอก เช่น เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นภูมิภาคได้รับผลกระทบจากที่อินเดียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงเห็นช่วง 2 วันมีการปรับลงบ้าง
"ช่วงนี้ต้องตามดูภูมิภาค แต่ที่ผ่านมาภายในไม่ได้กระทบ"นางภัทรียา กล่าว
นางภัทรียา กล่าวอีกว่า การขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นเรื่องของการดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ในมุมของผู้ลงทุนไม่กังวลมาก ผู้ลงทุนก็ยังพิจารณาลงทุนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อยู่ ส่วนการชุมนุมใหญ่อีกครั้งของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 27 มี.ค.ยังไม่เห็นว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไรคาดการณ์ลำบาก แต่หวังว่ารัฐบาลจะดูแลสถานการณ์ได้