ASP คาด Fund Flow ดันดัชนีเดินหน้าต่อมีสิทธิทดสอบ 831 จุดใน เม.ย.—พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 24, 2010 10:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เอเชียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์"กลยุทธ์ลงทุนไตรมาส 2/53"โดยคาดว่า Fund Flow จะยังไหลเข้ามาลงทุนในไทยอีกราว 1.8 หมื่นล้านบาท ใน เม.ย.-พ.ค.53 ซึ่งทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มทำจุดสูงสุดที่ 831 จุด อิง PER 14 เท่า จึงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 40% ของพอร์ต โดยให้ถือหุ้นรอขายที่ดัชนี 820-830 จุด

ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเร็ว และได้ดุลการค้ากับประเทศโลกตะวันตกอย่างต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญทำให้ค่าเงินเอเซีย รวมถึงเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง และ ดึงดูดให้มี Fund Flow เข้าไหลเอเซียต่อเนื่อง

จากการศึกษาข้อมูลย้อนหลัง 10 ปี (42-52) พบว่า Fund Flow มักไหลเข้าตลาดหุ้นเอเซียเกือบทุกตลาดช่วงปลายเดือน มี.ค. ต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค. ของทุกปี ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นไทยที่พบว่านักลงทุนต่างชาติมักมีสถานะซื้อสุทธิมากกว่าขายสุทธิ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.ถึงต้นเดือน พ.ค. ของทุกปี ทำให้เชื่อว่านับจากนี้ Fund Flow ยังคงน่าจะไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเซียเอเซียต่อเนื่องอีกราว 1-2 เดือนนับจากนี้

และ ทุกครั้งที่ Fund Flow ไหลเข้าไทย มักมีผลทำให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าช่วงสั้น ๆ โดยในรอบ 10 ปี พบว่ามีอยู่ 5 ครั้ง ที่เงินบาทแข็งค่ามากสุด 22% และแข็งค่าน้อยสุด 4% ดังนั้นหากกำหนดให้เงินบาทแข็งค่าเพียง 4% ในรอบนี้ คาดว่าจะต้องมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิราว 5.2 หมื่นล้านบาท หมายความว่าจะต้องมีเงินทุนไหลเข้าได้อีกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาทนับจากนี้

แม้สถานการณ์ทางการเมืองยังคงก่อกวนตลาดหุ้นอยู่ก็ตาม แต่ตราบที่ Fund Flow ยังหนุนต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดหุ้นไทยยังปลอดจากการขึ้นดอกเบี้ยไปอย่างน้อยอีก 4 เดือนข้างหน้า จึงน่าจะทำให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเดินหน้าต่อ โดยจะขึ้นไปทดสอบดัชนีที่ระดับ 831 จุด (สมมติฐานปี 2553 EPS Growth 13% GDP Growth 3% และเงินเฟ้อ 2% และน้ำมันดิบดูไบ 75 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล) ซึ่งน่าจะเป็นยอดสูงสุดของไตรมาส 2/53

แต่หลังจากนั้นคาดว่าตลาดหุ้นน่าจะเริ่มแกว่งตัวออกด้านข้าง จากปัจจัยดอกเบี้ยที่เข้ามารบกวนตลาด โดยคาดว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายใน ส.ค.53 เป็นครั้งแรก 0.25% และจะขึ้นอีกครั้งในเดือน ธ.ค. 0.25% โดยสิ้นปี 53 ดอกเบี้ยจะจบที่ 1.75% โดยจากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างดอกเบี้ยกับ SET Index พบว่า SET Index จะตอบรับด้านลบก่อนการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1-2 เดือนล่วงหน้า แต่หลังจากขึ้นดอกเบี้ย SET Index จะฟื้นตัวครั้งใหม่ หากการขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปตามตลาดคาด

บล.เอเชีย พลัส แนะนำให้ถือหุ้น 40% ของพอร์ตลงทุน โดยให้ถือเพื่อรอขายทำกำไรที่ดัชนียืนเหนือ 820-830 จุด พร้อมกับให้ปรับพอร์ตถือหุ้นที่ป้องกันเงินเฟ้อคือ เช่น หุ้นที่มีกระแสรายได้เปลี่ยนแปลงตามเงินเฟ้อ (PTTEP, TOP, KSL, TFUND, TTW, SSI), มีการฟื้นตัวอย่างเด่นชัด (SAT, SCC) การเติบโตสูงกว่าตลาด (TCAP, KBANK) และมีเงินปันผลสุทธิ หลังหักเงินเฟ้อสูงมาก (SPALI)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ