โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หรือ"เก็งกำไร"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 เป็นเติบโตขึ้น จากเดิมที่มองว่าจะทรงตัวจากปีก่อน หลังเห็นแนวโน้มภาพธุรกิจเติบโตชัดเจน โดยคาดว่าอัตราเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ 10-18% มาเป็น 1.12-1.17 หมื่นล้านบาท จากปี 52 มีกำไรสุทธิ 1.02 หมื่นล้านบาท
ไตรมาส 1/53 คาดว่ากำไรจะเติบโตจากราคาไก่และหมูอยู่ในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบต่ำจากการที่บริษัทเข้าซื้อล่วงหน้าไว้ในราคาต่ำ และแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/53 ก็จะดีต่อเนื่องด้วย อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีหลังยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งที่อาจกระทบกับผลผลิตและวัตถุดิบในประเทศ
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กรุงศรีอยุธยา เก็งกำไร 15.00 บล.ธนชาติ ซื้อ 16.00 บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 16.20 บล.เคจีไอ ซื้อ 17.80 บล.ทิสโก้ ซื้อ 18.70
นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่า ไตรมาส 1/53 กำไรของ CPF จะเติบโตก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นราว 2.0-2.5 พันล้านบาท จากไตรมาส 1/52 ที่มีกำไร 700 ล้านบาท เหตุผลสำคัญมาจากบริษัทล็อกราคาวัตถุดิบต่ำไว้ได้ ทำให้มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับ ราคาเนื้อสัตว์ ทั้ง ไก่ และ หมู ราคายังทรงตัวในระดับสูงอยู่ และคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 2/53 จะมีกำไรดีต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะล็อกราคาวัตถุดิบไว้ได้ 6-9 เดือนจากปลายปีก่อน โดยในครึ่งปีหลังต้องติดตามเรื่องนี้ต่อไป เพราะอาจจะได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ ที่ปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิตออกมาสู่ตลาดน้อยลงมาก
"ถ้ากำไรไตรมาส 1 ออกมาดีก้าวกระโดดก็เล่นได้ทั้งไตรมาส 2 แต่มุมมองเรามองว่าราคาแพง แนะนำให้เล่นเก็งกำไร เพราะมองว่ากำไรดีขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่เขาเข้าไปล็อคต้นทุนวัตถุดิบในราคาต่ำ" นายสิทธิเดช กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ กล่าวว่า ได้ปรับราคาเป้าหมายราคาหุ้น CPF ไปเป็น 17.80 บาท จากเดิม 14 บาท เนื่องจากเห็นแนวโน้มผลกำไรดีขึ้น โดยคาดว่าปี 53 จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน มาเป็น 1.12 หมื่นล้านบาท พลิกไปจากเดิมที่คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้น่าจะทรงตัวใกล้เคียงปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1.02 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ ทั้งไก่และหมู ราคาทรงตัวในระดับสูง โดยราคาไก่เป็น ทำนิวไฮที่ 45 บาท/กก.และเนื้อหมูก็ทำนิวไฮที่ 61 บาท/กก.ส่วนราคากุ้ง แม้ไม่ปรับขึ้นสูงมาก แต่ได้มีการปรับพันธุ์กุ้งที่ทำให้ใช้ระยะเวลาเลี้ยงสั้นลง และตายน้อยลง ทำให้มาร์จิ้นดีขึ้น จึงมองว่าแนวโน้มกำไรในไตรมาส 1/53 ดี และจะดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 2/53 และอยู่ในช่วงต้นๆของการเริ่มส่งออกของปี
"เหตุผลหลักที่เข้าซื้อ ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาราคาเนื้อสัตว์ยังดีอยู่ โรคระบาดก็ไม่มี แต่หุ้น CPF อิงกับธุรกิจเกษตรให้เล่นเทรดดิ้งติดหรือเล่นเป็นรายไตรมาส...มองว่าไตรมาส 2 ยังเล่นได้ และตลาดรวมก็ดี ถึงแม้ตลาดรวมจะไม่ดี แต่โดยปัจจัยพื้นฐาน CPF ก็เล่นได้"นักวิเคราะห์ กล่าว
ขณะที่ บทวิจัยของบล.ทิสโก้ ระบุว่า ได้ปรับขึ้นประมาณการรายได้จากการขายสำหรับปี 53 ของCPF ขึ้นมา 5% มาอยู่ที่ 1.79 แสนล้านบาท และปรับสมมติฐานอัตราส่วนกำไรขั้นต้นขึ้นมาอยู่ที่ 17.5% จากเดิม 16.6% อิงจากการปรับขึ้นประมาณการอัตราส่วนกำไรขั้นต้นสำหรับการส่งออกเนื้อไก่ปรุงสุกแปรรูป, การส่งออกผลิตภัณฑ์กุ้งปรุงสุกแปรรูป และธุรกิจไก่ในประเทศตุรกี เนื่องจากมีแนวโน้มธุรกิจที่ดี ส่งผลให้เราปรับประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 53 ขึ้น 18% มาอยู่ที่ 11,685 ล้านบาท