EPCO เผยนักลงทุน 4 รายใน-ตปท.เจรจาเป็นพันธมิตรร่วมทุนคาดสรุป Q2/53

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 24, 2010 12:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โรงพิมพ์ตะวันออก(EPCO)เผยอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่ 4 ราย เป็นนักลงทุนในประเทศ 1 ราย และนักลงทุนต่างประเทศ จากสิงคโปร์ 1 ราย และ ญี่ปุ่น 2 ราย คาดข้อสรุปได้ในไตรมาส 2/53 ซึ่งขณะนี้บริษัทจะยังไม่มีแผนลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม เพราะต้องการรอความชัดเจนเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายใหม่

นายวีระ เหล่าวิทวัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EPCO กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท เพราะมองว่าธุรกิจการพิมพ์ยังมีศักยภาพการเติบโตได้ดี คาดว่าการเจรจาจะมีข้อสรุปภายในไตรมาส 2/53

ทั้งนี้ นักลงทุนจากสิงคโปร์ที่สนใจร่วมทุนกับบริษัท ระบุว่าธุรกิจการพิมพ์ในประเทศไทยยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ขณะที่ธุรกิจการพิมพ์ในสิงคโปร์เริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และหาแรงงานได้ลำบาก ทำให้การขยายธุรกิจได้ไม่มาก อีกทั้งทางรัฐบาลไทย และสมาคมการพิมพ์ไทยมีนโยบายในการส่งเสริมธุรกิจการพิมพ์ต่อเนื่อง

ส่วนนักลงทุนจากญี่ปุ่น อาจต้องการย้ายฐานการดำเนินธุรกิจสิ่งพิมพ์มาในไทยมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจการพิมพ์ในญี่ปุ่นมีค่าแรงงานสูงมาก และไทยมีการพัฒนาคุณภาพการผลิตด้านสิ่งพิมพ์ให้ได้มาตรฐานมากขึ้น ซึ่งในส่วนของ EPCO ก็ได้มาตรฐาน ISO ทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดส่งออกต่างประเทศได้บ้างแล้ว

"การเจรจากับพันธมิตรร่วมทุน เป็นการคุยกับกับผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังไม่ทราบว่าจะเป็นการเข้ามาซื้อหุ้นในราคา 2 บาท ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ และจะเข้ามาถือหุ้นใหญ่หรือไม่ ผมไม่ทราบ" นายวีระ กล่าว

นายวีระ กล่าวอีกว่า แผนดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 53 มองว่าน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% และกำไรสุทธิเติบโต 20% จากปีก่อนที่มีกำไร 100.81 ล้านบาท แม้ขณะนี้ต้นทุนด้านกระดาษจะสูงขึ้น แต่บริษัทมีสต็อคกระดาษราคาเก่าอยู่เพียงพอถึงกลางปีนี้ น่าจะช่วยเรื่องความได้เปรียบด้านต้นทุน

ทั้งนี้ แนวโน้มราคากระดาษในตลาดโลกเริ่มปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จากสิ้นปี 52 อยู่ที่ 550 ดอลลาร์ ขณะนี้ปรับขึ้นเป็น 650 ดอลลาร์ และคาดว่าราคาจะปรับสูงขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ยอดขายในไตรมาส 1/53 อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากบริษัทเพิ่งเริ่มส่งมอบงาน และจะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/53

และในปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุน 50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10-15% จากปี 51 เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรใหม่ ทดแทนเครื่องจักรเก่า รองรับการผลิตงานได้มากขึ้น และเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ขณะเดียวกันมีแผนลดต้นทุนด้านอื่นๆ มากขึ้น ส่วนแผนขยายการลงทุนยังต้องรอการเข้ามาของพันธมิตรก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ