สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรับเพิ่มคาการณ์ดัชนีหุ้นไทยปี 53 เป็น 827 จุด จาก 812 จุด โดยคาดว่าจะเห็นระดับสูงสุดที่ 861 จุด และ ระดับต่ำสุด ที่ 643 จุด เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจฟื้นต้วทั้งไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงมาตรการไทยเข้มแข็ง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่จะออกมาดี อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุด(15-19 มี.ค.53) ว่า นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนีหุ้นปลายปี 53 เป็นเฉลี่ย 827 จุด จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือนธ.ค.52 ที่คาดไว้ที่ 812 จุด และคาดดัชนีหุ้นปลายปี 54 อยู่ที่ 946 จุด จากแนวโน้มเการฟื้นตัวศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า และเศรษฐกิจไทย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ปี 53 เป็น 4.0% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 3.5% และจีดีพีปี 54 จะเติบโต 4.5%
นายสมบัติ กล่าวว่า เงินทุนต่างประเทศ(Fund Flow)ที่เข้ามาตลาดหุ้นไทยช่วงนี้จะชะลอหรือไม่ขึ้นกับการเมืองเป็นสำคัญ
"Fund Flow ที่ไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ เทียบกับช่วง 4 เดือนก่อนหน้านี้ ที่ขายออกไปประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ถึงตอนนี้เอาคืนได้เกือบหมดแล้ว ...Fund Flow รอบนี้ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจที่เข้าใจว่าฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่บังเอิญบ้านเรามีการเมือง ความเห็นสองขั้วตรงกันข้าม นักวิเคราะห์ยังไม่วางใจว่าความขัดแย้งจะหมดโดยเร็ว ถึงแม้การเมืองไม่รุนแรง แต่อาจมีต่อเนื่อง ไปและกลับมาใหม่ได้" นายสมบัติ กล่าว
นอกจากนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ ยังเสนอแนะให้ภาครัฐจับตาปัญหาสำคัญ 3 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาการเมือง ปัญหามาบตาพุด และปัญหาเงินเฟ้อ พร้อมเร่งดำเนินการ 3 ด้านคือ เร่งรัดการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง สร้างความสมานฉันท์ในสังคม รวมถึงแก้ปัญหามาบตาพุด
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ สิ้นปี 53 คาดการณ์เฉลี่ยที่ 32.20 บาท/ดอลลาร์ และสิ้นปี 54 คาดเฉลี่ยที่ 31.40 บาท/ดอลลาร์ ส่วนอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 53 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.3% จากเดิมคาดไว้ 2.8%
ทั้งนี้ คาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (EPS Growth) ทั้งปี 53 คาดจะเติบโตเฉลี่ยที่ 13.9% ปรับขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่มองว่าเติบโต 13.3% โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเดินเรือ คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 63.40% รองลงมาคือ กลุ่มโรงแรม เติบโตเฉลี่ย 57.86% และ กลุ่มปิโตรเคมี คาดเติบโตเฉลี่ย 35.65%
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังได้ประเมินอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield)ของกลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยคาดว่า 3 อันดับแรกที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร ประเมินอัตราผลตอบแทนไว้ที่ 6.59% รองลงมาเป็นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดไว้ที่ 6.30% และ กลุ่มอาหาร คาดว่าจะอยู่ที่ 5.02%
หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนตรงกันหลายสำนักวิจัย ได้แก่ ADVANC, BANPU, BAY, KBANK, KTB, PTTEP, QH เป็นต้น