รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ได้ออกประกาศเพื่อรองรับการนำกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศมาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยผ่านกองทุนรวมอีทีเอฟในประเทศไทย (Thai ETF on Foreign ETF) ประกาศดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.53
กองทุนรวมอีทีเอฟเพื่อลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศจัดเป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (กอง FIF) ประเภทหนึ่ง โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้กองทุนรวมต้องลงทุนในกองทุนรวมอีทีเอฟต่างประเทศ (foreign ETF) ที่ไม่ซับซ้อน และต้องมีการบริหารจัดการในลักษณะเชิงรับ ไม่ใช้ดุลยพินิจในการลงทุน และควรลงทุนเกือบทั้งหมดใน foreign ETF เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ foreign ETF มากที่สุด
นอกจากนี้ กองทุนรวมประเภทนี้จะมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ บริษัทจัดการจึงต้องเปิดเผยความเสี่ยงและนโยบายการป้องกันความเสี่ยงอย่างชัดเจนในหนังสือชี้ชวน รวมทั้งต้องเปิดเผยข้อมูลความเคลื่อนไหวของมูลค่าทรัพย์สินของ foreign ETF และข้อมูลความคลาดเคลื่อนในการลงทุน[1] เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถรู้และใช้ข้อมูลดังกล่าวประกอบการตัดสินใจ พร้อมกันนี้ ได้มีการขยายหน้าที่ของผู้ดูแลสภาพคล่องให้สามารถทำหน้าที่เพื่อให้ราคาซื้อขายกองทุนรวมในตลาดรองสะท้อนมูลค่า foreign ETF ที่อ้างอิงได้
นอกเหนือจากการที่กอง FIF ไปลงทุนใน Foreign ETF แล้ว กอง FIF ยังสามารถลงทุนในหลักทรัพย์และทรัพย์สินต่างประเทศอื่นๆ ได้เช่นเดียวกับกองทุนรวมทั่วไปที่ลงทุนในประเทศอีกด้วย โดยหากต้องการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ กอง FIF สามารถลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs (Real Estate Investment Trust) ในต่างประเทศได้
ส่วนการลงทุนตรงในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศนั้น ขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดและจัดทำหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการ REITs ในประเทศ รวมถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนตรงในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศด้วย รวมทั้งหลักเกณฑ์ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน การพัฒนาหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนอีกด้วย
ทั้งนี้ ก.ล.ต.สนับสนุนให้ตลาดทุนมีหลักทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกการลงทุน ซึ่งการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศจัดเป็นช่องทางหนึ่ง