ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) เนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ดัชนีปิดบวกเพียงเล็กน้อยเนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลง อันเนื่องมาจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ดีดขึ้น 4.25 จุด ปิดที่ 5,677.88 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,636.01-5,698.87 จุด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นริโอ ทินโต ปิดบวก 0.1% หุ้นอันโตฟากัสตา ปิดบวก 0.9% และหุ้นคาซัคมิส ปิดบวก 1.4 % ส่วนหุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดบวก 0.9% หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแองโกล อเมริกัน สู่ระดับ "overweight" ขณะที่หุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซสปิดบวก 0.6% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยเมื่อคืนนี้สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะดีมานด์พลังงานหดตัวในสหรัฐ
ทั้งนี้ หุ้นบีจี กรุ๊ป ร่วงลง 0.2% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 1% และหุ้นทุลโลว์ ออยล์ร่วงลง 1.5%
ออสเตรเลียน ไฟแนนเชียล รีวิวรายงานว่า บริษัท ไชน่า เนชันแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป (ซีนุค) ได้ทำข้อตกลงซื้อก๊าซเหลวธรรมชาติ (LNG) จากบริษัท บีจี กรุ๊ป ซึ่งถือเป็นดีลครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมพลังงานของออสเตรเลีย แซงหน้าการทำสัญญาซื้อขายพลังงานในโครงการกอร์กอนระหว่างบริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ป และปิโตรไชน่า คอร์ป มูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว