"วรวรรณ"เผยธุรกิจกองทุนรวมฯโต รับอานิสงส์ตลาดหุ้นพุ่ง-การเมืองไม่กระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 25, 2010 18:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ภาพรวมอุตสาหกรรมกองทุนรวมในอนาคตยังเติบโตได้ดี แต่หากช่วงที่ตลาดหุ้นไม่ปรับขึ้นการเติบโตจะขึ้นกับกองทุนตราสารหนี้ ซึ่งอยู่ที่ว่าบลจ.จะบริหารผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยได้มากน้อยเพียงใด

"ช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยค่อนข้าง perform มาก ปรับขึ้นเป็นอันดับต้นๆของโลกโดยตั้งแต่ต้นปี 53 จนถึงปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยขึ้นมาเกือบ 7% แล้ว กองทุนรวมก็โตด้วย ส่วนเรื่องการเมืองมองว่าการเมืองไม่มีผลกระทบกับอุตฯกองทุนเพราะแยกออกจากกันชัดเจน พวกกองทุนเราก็ยังซื้อขายได้ปกติ ผู้ซื้อหน่วยแยกแยะได้ ประกอบกับรัฐบาลก็ไม่ได้แข็งกร้าว จะเห็นนักลงทุนต่างชาติก็ยังเข้ามาลงทุนต่อเนื่องเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง และการที่ต่างชาติยังเข้ามาซื้อเพราะมองว่า พี/อีเรโชของหุ้นไทยถูกมากคือ อยู่ที่ 11-12 เท่า เมื่อเทียบกับภูมิภาคบางประเทศมี 13-14 เท่า เป็นผลให้หุ้นไทยปรับขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก" นางวรวรรณ กล่าว

ปัจจุบั งอุตสาหกรรมกองทุน แบ่งเป็น กองทุนรวมมีจำนวนบัญชีผู้ถือหน่วย 2 ล้านกว่าบัญชี, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 2 ล้านกว่าบัญชีและกองทุนส่วนบุคคล 1 พันกว่าบัญชี จึงมองว่าแนวโน้มยังสามารถขยายฐานผู้ลงทุนได้อีก แต่ต้องเน้นให้ความรู้กับผู้ลงทุน และให้ผู้ลงทุนเรียนรู้และยอมรับความเสี่ยงได้

ทั้งนี้ เป้าหมายของสมาคมฯ คือ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนหุ้นประเภททาร์เก็ตฟันด์ เป็นต้น เพื่อให้นักลงทุนได้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น

ด้านนาย Louis Wong Wai Kit ผู้จัดการกองทุน ฟิลลิปแคปปิตอลเมเนจเม้นท์ ฮ่องกง กล่าวในงานสัมนา "จีนและอินเดีย ตลาดเกิดใหม่ความน่าสนใจและโอกาสในการลงทุน" มีมุมมองว่า ประเทศจีนและ อินเดียมีโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะจีนการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ที่ 8.7% ซึ่งปกติรัฐบาลจีนเวลาตั้งเป้าหมายอะไรไว้มักจะทำได้สำเร็จ และ ตัวเลขต่างๆที่รัฐบาลประกาศออกมาค่อนข้างแม่น ส่วนอินเดียเศรษฐกิจก็มีความมั่นคงเช่นกันโดยคาดว่าจะโตเกือบ 8%

"มองในกลุ่มประเทศจีนและอินเดีย ว่าเป็นดาวรุ่ง เพราะจีนจะโต 8.7% อินเดียเกือบ 8% ทั้ง 2 ประเทศยังไปได้อีกไกล และที่สำคัญที่สุดทั้ง 2 ประเทศเป็นตลาดเกิดใหม่ ประชากรเยอะ การขยายตลาดของ 2 ประเทศมีความเป็นไปได้สูง"นาย Louis กล่าว

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนในจีน คือ ธนาคาร เพราะคาดว่ากำไรน่าจะดี และกลุ่มรถยนต์น่าจะเติบโตสูงมาก ส่วนอินเดียจะมีอุตสาหกรรที่เติบโตโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มพวกซอฟท์แวร์ แต่สิ่งที่อาจจะกังวลก็คือเรื่องของนโยบายในแต่ละประเทศ หรือกฎหมายต่างๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ