ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขว่างงานที่ปรับตัวลดลงในรอบสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการให้ความช่วยเหลือของกรีซ และจับตาดูมติการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ รวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 5.06 จุด หรือ 0.05% แตะที่ 10,841.21 จุด ดัชนี S&P 500 รูดลง 1.99 จุด หรือ 0.17% ปิดที่ 1,165.73 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 1.35 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 2,397.41 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1 หมื่นล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 442,000 รายในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐจะเริ่มคลี่คลายลงในไม่ช้านี้
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนตลอดทั้งวันเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการให้ความช่วยเหลือของกรีซ และจับตาดูมติการประชุมสุดยอดผู้นำอียูในวันศุกร์นี้ ขณะที่นายเอริค เนลสัน หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านยุโรปของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อาจตัดสินใจให้ความช่วยเหลือกรีซมูลค่า 2 หมื่นล้านยูโร หรือ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในรูปแบบของเงินกู้ระยะเวลา 18 เดือน
ทั้งนี้ กรีซต้องเร่งลดยอดขาดดุลงบประมาณที่มีอยู่มากที่สุดในกลุ่มอียู และต้องระดมเงินให้ได้ราว 2 หมื่นล้านยูโรเพื่อรองรับพันธบัตรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเม.ย.และพ.ค.
นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการโทรทัศน์ของฝรั่งเศสเมื่อวานนี้ว่า ยุโรปควรต้องรับผิดชอบต่อปัญหาด้านการเงินที่เกิดขึ้นในภูมิภาค ซึ่งท่าทีของนายทริเชต์ทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าผู้นำยุโรปอาจมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องการให้ความช่วยเหลือกรีซ เพราะก่อนหน้านี้นางอังเกล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีพยายามผลักดันให้ไอเอ็มเอฟเข้ามามีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือกรีซ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ปี 2552 ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 5.9% ต่อปี ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐเดือนมี.ค.