ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินกรีซ หลังสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ร่วมมือกันหาทางให้ความช่วยเหลือกรีซ แต่แรงบวกถูกจำกัด หลังมีรายงานว่าเรือของเกาหลีใต้ถูกระเบิดจมลงในทะเลเหลือง ซึ่งส่งผลให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคอันมีสาเหตุมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 9.15 จุด หรือ 0.08% แตะที่ 10,850.36 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 0.86 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 1,166.59 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 2.28 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 2,395.13 จุด
ตลาดเปิดบวกขึ้น หลังจากผู้นำประเทศยุโรปบรรลุข้อตกลงที่จะร่วมมือกับไอเอ็มเอฟในการช่วยเหลือกรีซและประเทศอื่นๆในยุโรปที่กำลังเผชิญกับหนี้สินที่เพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อเศรษฐกิจยุโรปฟื้นคืนมาอีกครั้ง หลังจากที่หุ้นร่วงลงในชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนหวั่นเกรงว่าที่ประชุมอียูจะไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องวิธีช่วยเหลือกรีซ
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังได้รับปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนมี.ค.ที่ได้รับการทบทวนขึ้นมาอยู่ที่ 73.6 จุด ซึ่งดีกว่าระดับ 72.5 ในการประเมินครั้งก่อน และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 73
ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยรายงานว่า เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 4 ปี 2552 ขยายตัว 5.6% ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับลดลงจากระดับ 5.9% ในการประเมินก่อนหน้านี้ โดยรายงานจีดีพีวานนี้นับเป็นผลการประเมินครั้งที่สามและเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งถึงแม้จะต่ำกว่าคาดการณ์สองครั้งก่อนหน้านี้ของรัฐบาล แต่ก็ยังถือเป็นระดับการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 ปี
อย่างไรก็ตาม ดัชนีกลับมาปรับตัวลดลง หลังจากมีข่าวว่าเรือทหารของเกาหลีใต้อับปางลงและส่งผลให้เกิดความวิตกในตลาด เนื่องจากนักลงทุนเกรงว่าเกาหลีเหนือจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แม้รัฐบาลเกาหลีใต้ยังไม่ได้ยืนยันถึงสาเหตุนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ รายงานระบุว่าเรือจมลงหลังเกิดการระเบิด ส่งผลให้ประธานาธิบดีลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้เรียกประชุมฉุกเฉิน ขณะที่กองทัพส่งฝูงเรือไปตรวจสอบอุบัติเหตุดังกล่าว