นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง(NCH) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ทางการเมืองเพื่อพิจารณาเปิดโครงการใหม่แห่งที่ 2 จากแผนที่จะเปิดใหม่ 2-3 โครงการ ทั้งนี้ยอมรับว่ามีความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นลูกค้าแต่ก็หวังว่าสถานการณ์การเมืองจะจบได้หลังเม.ย.นี้ เมื่อถึงเวลานั้นอาจพิจารณาเปิดโครงการใหม่โดยมี 2 แนวทางคือ เปิดในกทม.และที่พัทยา ซึ่งที่พัทยาเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมมากหลังจากบริษัทเปิดโครงการกรีนพาร์คจอมเทียน พัทยาไปเมื่อ 27-28 มี.ค.ที่ผ่านมา มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้คาดว่าภายใน 4 เดือนนี้จะสามารถปิดโครงการได้หมดตอนนี้ขายได้แล้ว 28 ยูนิต มูลค่า 73 ล้านบาท จากทั้งหมด 94 ยูนิต นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างศึกษาว่าจะเปิดโครงการตจว.เพิ่มเติมหลังได้รับความนิยมสูง อยู่ระหว่างศึกษา ที่ ภูเก็ต สมุย หัวหิน แต่การจะเปิดเพิ่มคงจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบซึ่งคงจะยังไม่เห็นในปีนี้
ขณะนี้ลูกค้าที่เข้ามาชมโครงการและตัดสินใจซื้อบ้านเร็วขึ้นมาเหลือ 1 เดือนจากเดิม 3 เดือน และเชื่อว่าหลังที่รัฐบาลต่ออายุมาตรการภาษีอีก 2 เดือน ก็คงจะกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้นทำให้คาดว่ายอดขายไตรมาส 1/53 น่าจะดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่เศรษฐกิจก็ดีขึ้นไม่แย่เหมือนปีก่อน ขณะนี้มี BackLog อยู่ 200-300 ล้านบาท และยังมีโครงการยังสร้างไม่เสร็จอีกมูลค่า 3-4 พันล้านบาท สามารถรองรับได้อีก 2-3 ปี
อย่างไรก็ตาม หลังมาตรการภาษีสิ้นสุดลงบริษัทจะมีการพิจารณาเรื่องต้นทุนก็อาจจะเห็นการปรับราคาขายขึ้นอีกประมาณ 5% จะเป็นการทยอยปรับ อาจเห็นหลังเม.ย.-พ.ค. นี้
"ต้องยอมรับว่าตอนนี้ประเมินค่อนข้างยาก ว่าต่อไปสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงภาพรวมอสังหาฯต้องดีกว่าปีก่อนและการที่เราลดต้นทุนที่ทำมาตั้งแต่ปีก่อนทำให้ไม่น่าเป็นห่วงในปีนี้และปีถัดไป" นายสมเชาว์ กล่าว
ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.2 พันล้านบาท กำไรก็เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นแน่นอนเพราะการที่เราลดต้นทุน ขณะที่ต้นทุนทางการเงินก็ลดลงจากการเปิดโครงการที่น้อยลง โดยมี DE แค่ 0.4 เท่า ส่วนการจะพัฒนาโครงการคอนโดฯนั้นต้องศึกษาตลาดให้ดี ตอนนี้ไม่ต้องขยายกิจการไม่จำเป็นต้องกู้เงิน