นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง เปิดเผยถึงนโยบายบริหารงานในปี 53 ว่า บริษัทปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพความแข็งแกร่งให้กับองค์กรให้รองรับการทำธุรกิจจัดการกองทุนเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภายหลังการโอนย้ายธุรกิจจัดการกองทุนของธนาคารกรุงเทพ มารวมไว้ที่บลจ.บัวหลวง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในทุกด้าน พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันและคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารของ บลจ.บัวหลวง ทั้ง 3 ธุรกิจนั้น มีประมาณ 210,822 ล้านบาท (ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2553) โดยแบ่งเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้ธุรกิจกองทุนรวม 167,124 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 42,882 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 816 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจของฝ่ายจัดการกองทุนของธนาคารกรุงเทพ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคล เมื่อรวมกับ บลจ.บัวหลวง ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านกองทุนรวม ที่มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว จึงนับเป็นการผนวกรวมความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านประสิทธิภาพการบริหารเงินลงทุน การบริหารความเสี่ยง ตลอดจนการลงทุนเพื่อความสะดวกในการพัฒนางานด้านการบริการ เพราะมีความคุ้มค่าในขนาดธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น (Economy of Scale)
ด้านนายหรรสา สุสายัณห์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและส่วนบุคคล กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ดำเนินการวางแผนและเตรียมการโอนย้ายธุรกิจครั้งนี้เป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่างๆ รวมทั้งผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับและการประกอบธุรกิจที่ดีกว่า ท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่จะทวีการแข่งขันสูงขึ้น จากการเปิดเสรีด้านการเงินและการลงทุนในอนาคต
นอกจากนี้ แนวโน้มความต้องการของสมาชิกกองทุน หรือผู้ลงทุนในอนาคต จะเน้นเรื่องการลงทุนที่สอดคล้องกับแต่ละบุคคล ซึ่งบลจ.บัวหลวงเอง สามารถใช้กองทุนรวมที่มีอยู่นำเสนอเป็นสินทรัพย์ปลายทางตามประเภทการลงทุน สอดคล้องกับความต้องการของสมาชิกกองทุนแต่ละคน ทุกช่วงอายุ ทั้งวัยเริ่มต้นทำงาน ผู้ที่มีครอบครัว ผู้ที่วางแผนเกษียณ รวมทั้งผู้ที่ต้องการออมเงินหลังเกษียณ
"การรวมธุรกิจดังกล่าวจะช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า และสามารถรักษาฐานลูกค้าให้ใช้บริการด้านการลงทุนกับผลิตภัณฑ์กองทุนในกลุ่มของธนาคารได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว"นายหรรสา กล่าว
ส่วนธุรกิจกองทุนรวมนั้น นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม กล่าวว่า บลจ.บัวหลวง นับเป็น บลจ.ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับด้านผลงานการจัดการกองทุนรวมและความมีธรรมาภิบาล โดยมีธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ด้วยความเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงเทพ จึงสามารถสร้างความมั่นใจได้ถึงความเป็นสถาบันการเงินที่มีมาตรฐานดี อีกทั้งยังได้รับรางวัลจากผลการบริหารกองทุนยอดเยี่ยมหลายครั้งต่อเนื่องจากหลายสถาบัน ทั้ง The Post-Lipper Awards 2006-2009 และล่าสุดรางวัลชนะเลิศ SET Award 2009 ด้วยการเป็น บลจ.ที่บริหารกองทุนรวมที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
ล่าสุด บริษัทร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ จัดรายการส่งเสริมการขายพิเศษเพื่อมอบเป็นของขวัญพิเศษให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี ด้วยการลงทุนแบบสบายใจ ที่ให้คุณมีโอกาสรับผลตอบแทนที่คุ้มค่า มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ อีกทั้งไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายและผลตอบแทนไม่เสียภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา
เฉพาะช่วงรายการส่งเสริมการขาย ไม่ว่าจะซื้อกองทุนในวันใดก็ตามในช่วงนี้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.53 หากมียอดเงินลงทุนสุทธิ (ยอดซื้อหักยอดขายคืน) ณ วันทำการสุดท้ายของทุกสิ้นเดือน ม.ค. เดือน ก.พ. เดือน มี.ค. และเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้นจากวันที่ 15 ม.ค. 53 ด้วยยอดเงินตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลมูลค่ารวมกว่า 400,000 บาท
ผู้สนใจลงทุนกับกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี บลจ.บัวหลวง อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจลงทุนด้วยหลากหลายช่องทางการลงทุน โดยกองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี เป็นกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปที่จัดตั้งมานาน 5 ปี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2548 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยมีความผันผวนต่ำ รวมทั้งมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ณ วันที่ 23 มีนาคม 2553 มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของกองทุนอยู่ที่ 70,695 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยอยู่ที่ 11.4410 บาทต่อหน่วยฯ
ผลตอบแทนของกองทุน ณ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน อยู่ที่0.79% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 0.87% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 0.92% ต่อปี ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 2.29% ต่อปี และผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุน 2.88% ต่อปี