นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนเงินเพิ่มทุนให้กับ บมจ.การบินไทย(THAI)ตามที่เสนอมา 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีแผนชัดเจนในการนำเงินไปใช้ประโยชน์ และมีเป้าหมายรายได้ที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา THAI ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ 10% และสร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นตามแผนฟื้นฟูธุรกิจ ทำให้สถานการณ์พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ นอกจากนั้นยังมีการบริหารงานที่ดี ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาจาก 7 บาท มาเป็น 20 บาท
แต่สิ่งที่ THAI ยังดำเนินการอยู่และเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม คือ การกำหนดเงื่อนไขที่ผูกพันกับการถือหุ้นของกระทรวงการคลังในการดำเนินการต่างๆ เช่น การขอกู้เงินจะต้องอยู่บนเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังถือหุ้น THAI ในสัดส่วน 51% หรือการให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะต้องแก้ไขให้ได้ เพื่อให้บทบาทของ THAI ชัดเจนขึ้น
นายกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามให้ THAI มีอิสระในการบริหารงานมากขึ้น แต่ก็ต้องการให้ดูแลตัวเองได้มากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ยกตัวอย่าง บมจ.ปตท.(PTT) ที่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) และธนาคารออมสิน ที่มีบทบาทชัดเจนแล้ว ในเรื่องการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย(SMEs) ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ยอดสินเชื่อขยายตัว 6% สวนทางกับธนาคารพาณิชย์ที่ยอดขยายสินเชื่อหดตัวลง 5%
ขณะที่ บมจ.อสมท(MCOT) และธนาคารกรุงไทย(KTB)ก็ยังมีปัญหาเช่นเดียวกับ THAI ยกตัวอย่าง กรณีของ อสมท.ยังมีเงื่อนไขผูกพันในฐานะรัฐวิสาหกิจค่อนข้างมาก ในทางกลับกันบางครั้งทางภาครัฐขอให้ช่วยออกข่าวในเชิงบวกบ้าง แต่ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์
นายกรณ์ กล่าวว่า อยากให้รัฐวิสาหกิจเหล่านี้กำหนดบทบาทให้ชัดเจน เพราะบางครั้งโครงสร้างการจัดตั้งในอดีตไม่ได้สอดคล้องกับสภาพในปัจจุบัน เช่นในอดีตอาจจะไม่มีการแข่งขันในชิงพาณิชย์สูง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป ทำให้ต้องมีการปรับปรุงให้เหมาะสม
ส่วนรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการขนส่ง เช่น การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่อยู่ระหว่างการปฏิรูป จะมีบทบาทและความคาดหวังของสังคมในอนาคตหลังมีการทุ่มงบลงทุนไปนับแสนล้านบาท