ทรูมูฟ ในเครือ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น(TRUE) คาดปี 53 รายได้จะเติบโตราว 3-5% ตามภาพรวมธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้ที่ประเมินว่าจะมีลูกค้าใหม่ราว 3-5 ล้านราย ซึ่งทรูมูฟตั้งเป้าจะรักษาส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 เอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง และคาดว่า EBITDA ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ 7.2 พันล้านบาท จากผลของการบริหารต้นทุนค่า IC และลดค่าใช้จ่าย
ขณะที่บริษัทได้เตรียมงบลงทุนในปีนี้ราว 3-4 พันล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่ลงทุน 2.5 พันล้านบาท เพื่อใช้พัฒนาคุณภาพของเครือข่ายการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G และขยายเครือข่ายบริการ 3G ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองให้บริการครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครือข่าย Wi-Fi
และในปี 54-55 จะลงทุนอีกราว 6-7 พันล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงข่าย 2G และขยายเครือข่าย 3G บนคลื่น 850 MHz รวมช่วง 3 ปีนี้ (ปี 53-55) ทรูมูฟจะใช้เงินลงทุน 1 หมื่นล้านบาท
นายสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรูมูฟ จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนเครือข่ายเพื่อพัฒนาโครงข่าย 2G ให้มีคุณภาพทั้ง DATA และ VOICE คาดว่าจะดำเนินการเสร็จภายใน 1-2 เดือน ซึ่งบริษัทถือเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในระยะต่อไป เนื่องจากปลายปีนี้จะเริ่มใช้การคงสิทธิเลขหมาย (Numberportability) ซึ่งทรูมูฟต้องการรักษาฐานลูกค้า และหากให้บริการดีก็อาจมีลูกค้าค่ายอื่นย้ายมาใช้บริการทรูมูฟเพิ่มด้วย
ขณะที่เครือข่าย 3G บนคลื่น 850 MHz ทรูมูฟยังอยู่ในขั้นตอนให้ลูกค้าทดลองใช้จำนวน 1 แสนราย โดยปัจจุบันมีสถานีฐานรวม 600 สถานีฐาน แบ่งเป็นในสถานีฐาน 500 แห่ง และ 100 แห่งตามหัวเมืองใหญ่ และขณะนี้ทรูมูฟขอขยายสถานีฐาน กับ บมจ.กสท โทรคมนาคม ในฐานะคู่สัญญาสัมปทาน
"เราตั้งเป้าปีนี้เป็นปีแห่งคุณภาพ เราเน้นเรื่องคุณภาพโครงข่าย ปีนี้เราลงทุน 2G และ 3G บน 850 MHz ซึ่งเราจะทำการปรับปรุงได้ครบ ของโครงข่าย 2G ภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งในกรุงเทพจะเห็นได้ชัดเจน"นายสุภกิจ กล่าว
นอกจากนี้ ทรูมูฟ คาดหวังว่าจะเป็นผู้นำ 3G จึงได้เตรียมพร้อมทั้งเรื่องโครงข่าย และ การให้บริการ โดยได้เพิ่มบริการ เช่น Call Center เป็นต้น เพราะ 3G ทุกรายมีโอกาสการแข่งขันเท่ากัน ไม่เหมือน 2G ที่ทรูมูฟตามหลังคู่แข่งกว่า10 ปี
*ปี 53 EBITDA โตขึ้น, รายได้โตไม่ต่ำกว่า 3-5%
นายสภุกิจ คาดว่า รายได้ของทรูมูฟในปี 53 จะไม่น้อยกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมที่คาดว่าจะเติบโต 3-5% ของมูลค่าตลาดรวมปีก่อนที่มี 1.5 แสนล้านบาท โดยปี 52 ทรูมูฟ มีรายได้ 2.36 หมื่นล้านบาท (รวม IC) โดยคาดว่าปีนี้ รายได้จากนอนวอยช์จะเติบโต 2 digit ซึ่งปีก่อนมีสัดส่วนรายได้ 13% ของรายได้รวม
และการใช้บริการโรมมิ่งระหว่างประเทศ (inbound roaming)จากการที่นักท่องเที่ยว นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบวกตั้งแต่ไตรมาส 3/52 จนถึง ไตรมาส 1/53 ตัวเลขยังเติบโตอยู่ อย่างไรก็ตาม หากการเมืองเกิดความรุนแรงก็อาจจะทำให้รายได้ส่วนนี้หายไปได้
ส่วนรายได้จากการให้บริการด้านเสียง คาดว่าปีนี้จะทรงตัวจากปีก่อน โดยรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU)ในปี 53 จะทรงตัวในระดับ 116-117 บาทต่อเลขหมาย
ทั้งนี้ ในปี 52 รายได้จาก Non Voice มี 3.1 พันล้านบาท เติบโต 17% จากปีก่อน ส่วน รายได้จาก Voice มีจำนวน 1.78 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%
นายสุภกิต คาดว่า กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA)ในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อน 7.2 พันล้านบาท จากการที่บริษัทบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าเชื่อมโยงโครงข่าย(IC) ซึ่งปีก่อนบริษัทจ่ายเพียง 32 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่อัตราการเติบโตของ EBITDA คงไม่สูงเท่ากับปีก่อนที่เติบโต 27%
ทรูมูฟ ยังตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่ คาดว่าการเติบโตของภาพรวมธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปีนี้จะมีบริการนอน-วอยซ์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการใหม่ 3-5 ล้านราย
ณ สิ้นปี 52 ทรูมูฟ มียอดผู้ใช้บริการรวมทั้งสิ้น 15.8 ล้านราย โดยมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิ 1 ล้านราย รักษาส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของลูกค้าใหม่ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และในปี 52 ลูกค้าแบบรายเดือนเพิ่มขึ้น 26.3%