PTTEPเดินหน้าหาโอกาสขยายลงทุนอินโดฯ/คาด"เซไม ทู"เริ่มเจาะสำรวจปลายปี53

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 30, 2010 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่แถบภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพราะพื้นที่ในแถบภูมิภาคอาเซียนยังคงมีศักยภาพ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย แม้ว่าจะมีการยกเลิกโครงการสำรวจไป 1 โครงการเมื่อเร็ว ๆ นี้

PTTEP มองว่าอินโดนีเซียเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งพลังงาน และยังมีในส่วนแหล่งที่ยังคงร่วมทุนอีก 1 โครงการ คือ โครงการอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการขุดเจาะและสำรวจ โดยบริษัทฯ และผู้ร่วมทุนจะทำการเจาะหลุมสำรวจ 1 หลุม คาดว่าจะเริ่มสำรวจอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี 53 นี้

"ปตท.สผ. สนใจพื้นที่ในภูมิภาคอาเซียนรอบๆบ้านเรายังเป็นแหล่งศึกษาการลงทุนที่สำคัญ รวมทั้งอินโนีเซียก็ยังมีการศึกษาเพิ่มเติมแม้ว่าจะมีการปิดหลุมสำรวจที่อินโดไป"นายอนนต์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทได้ยุติการร่วมทุนในโครงการอินโดนีเซีย เบงการา-1 ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 40% โดยได้แจ้งต่อทางการอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 52 แต่เพิ่งได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก BPMIGAS ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการของอินโดนีเซีย

นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ"หุ้น PTTEP โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 195 บาท มีอัพไซต์ถึง 30% และราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้าเมื่อเทียบกับราคาหุ้นอื่นในกลุ่ม PTT

ประเมินว่าผลประกอบการ PTTEP ในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตสูงทุกไตรมาส ตามปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมที่คาดว่าจะเพิ่ม 9% เป็น 2.53 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน และราคาขายปิโตรเลียมคาดว่าจะสูงกว่าปีก่อน 15% โดยประมาณการราคาน้ำดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้ที่ระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งช่วงไตรมาส 1/53 คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ 75-76 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลทั้งรายได้และกำไรของบริษัทปีนี้ให้ดีขึ้น

รวมทั้ง PTTEP จะได้รับค่าชดเชยประกันภัยจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วและไฟไหม้ในโครงการ Montara (PTTEP ถือหุ้น 100%) ที่เหลืออีก 226 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 7.3 พันล้านบาทก่อนหักภาษี โดยคาดว่าจะทยอยบันทึกในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ของปีนี้ แต่ทางผู้บริหารยังไม่เปิดเผยว่าจะบันทึกไตรมาสละเท่าใด แต่เชื่อว่าจะบันทึกทั้งจำนวนภายในครึ่งปีแรกของปี

จากการรับค่าชดเชยดังกล่าวก็จะช่วยให้ผลกำไรในปีนี้ของบริษัทเติบโตถึง 84% เมื่อเทียบกับปี 52 เป็นกำไรสุทธิปีนี้ 40,814 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 12.34 บาท ซึ่งเป็นการเติบโตของผลกำไรที่สูงที่สุดในกลุ่มพลังงานในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ