หุ้น STA ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันมมาแล้ว 3 วันทำการ
30/03/53 เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 6.43% มาปิดที่ 37.25 บาท
29/03/53 เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.70% มาปิดที่ 35.00 บาท
26/03/53 เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.50% มาปิดที่ 33.75 บาท
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า หุ้นบมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี(STA)ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นการเข้ามาเก็งกำไรจากปัจจัยราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุด ประกอบกับตลาดรถยนต์เติบโต ซึ่ง STA ก็ผลิตยางส่งในอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาไม่ได้แนะนำซื้อเพราะบริษัทมีผลประกอบการค่อนข้างผันผวนมาก ต้องมีการประเมินสถานการณ์ผลประกอบการอีกครั้งจึงจะจัดทำคำแนะนำใหม่
ขณะที่บทวิเคราะห์ด้านเทคนิคของ บล.ฟิลลิป แนะ"ซื้อ”หุ้น STA แนวต้านที่ 40-41.75 บาท แนวรับที่ 36.75-36.25 บาท cut loss หากปิดต่ำกว่า 35.75 บาท
วานนี้ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(AFET)ระบุว่าในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 สูงสุดนับแต่เปิดซื้อขาย โดยราคายางส่งมอบเดือนเมษายน 53 (29 มี.ค.53) และต่อเนื่องมาในเดือนส่งมอบพฤษภาคม 53 มีราคาปิดสูงขึ้นแตะที่ระดับ 114.00 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาสูงสุดนับเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายมา
ราคาซื้อขายยางเฉลี่ย อยู่ในระดับราคา 107.50 - 114.00 บาท/กก. และราคาส่งมอบในเดือนพฤษภาคม 53 ก็อยู่ในระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายในเดือนอื่นๆ ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากอุปทานยางน้อยลง ประกอบกับความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวอย่างมาก
ส่วน บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ แนะซื้อหุ้นตาม Theme “Bullish หุ้นยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง”เลือกลงลงทุนในไตรมาส 2/53 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือหุ้น STA
ทรีนิตี้ คาดว่า ในไม่ช้านี้น่าจะเห็นสภาพคล่องของ STA มีเพิ่มขึ้นจากที่ไม่ค่อยมีไม่มีสภาพคล่องทั้งที่มาร์เก็ตแคปมากถึง 6,750 ล้านบาท เนื่องจาก STA เข้ามาเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะยอดขายยางพาราวิ่งตรงไปยังอุตสาหกรรมยางรถยนต์มากถึง 82% และที่สำคัญ เป็นการขายยางพาราให้ผู้ผลิตยางรถยนต์ในจีนมากขึ้นมาเป็น 30%
STA เป็นหุ้นที่เกาะกระแสการเติบโตของยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนได้ตรงและคาดว่าจะมีการเติบโตที่สูงมากเมื่อเกิดตลาดยาง Replacement ในอีก 2 ปีข้างหน้า เราจึงเชื่อว่าภาวะผันผวนของ STA จะลดลงไปอย่างมาก หรือหากผันผวนก็เป็นเพียงระยะช่วงสั้น เมื่อดีมานด์ของอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในตลาดโลกสูงมากขนาดนี้