โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"PTT ราคายัง Laggard,คาดกำไร Q1/53 พุ่ง-ผลดีจากบ.ลูก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 31, 2010 14:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.(PTT)มองราคาหุ้นยังต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับตัวอื่น ๆ ถือเป็นหุ้น Laggard เป็นผลจากก่อนหน้านี้มีปัจจัยลบหลายอย่าง แต่ตอนนี้มีปัจจัยเกื้อหนุนอยู่มาก จากอุตสาหกรรมที่มีการฟื้นตัวขึ้น คาดงวดครึ่งแรกปี 53 ผลประกอบการจะออกมาดี

โดยเฉพาะงวดไตรมาส 1/53 น่าจะออกมาดีมาก คาดการณ์กำไรสุทธิ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 195% จากไตรมาส 1/52 และเพิ่มขึ้น 45% จากไตรมาส 4/52 ที่เป็นผลจากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น ทำให้ PTT ได้รับผลดีจากการลงทุนในบริษัทลูกที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)ปีนี้จะดูดีขึ้นมาก เนื่องจาก 2 ไตรมาสสุดท้ายของปี 52 บันทึกค่าใช้จ่ายไว้เกือบหมื่นล้านบาท และปีนี้ไม่น่าจะมีแล้ว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTT ในปี 53 ไว้ที่ 65,000-71,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 59,548 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รวมโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ที่เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดทันปีนี้

ส่วนปี 54 กำไรสุทธิของ PTT จะโดดเด่น จากโครงการใหม่ที่เข้ามาหลังจากปัญหามาบตาพุดทำให้ล่าช้าไป 8 เดือน ดังนั้นปี 53 จึงรับรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 79,000 ล้านบาท

ล่าสุด ราคาหุ้น PTT ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 263 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท(+3.14%)มูลค่าซื้อขาย 2,336.33 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 256 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 264 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 256 บาท

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          Royal Bank of Scotchland    ซื้อ              337.00
          Macquarie                   ซื้อ              321.00
          UBS                         ซื้อ              341.00
          JP Morgan                   ซื้อ              350.00
          Deutsche Bank               ซื้อ              305.00
          บล.นครหลวงไทย               ซื้อ              317.00
          บล.ยูไนเต็ด                   ซื้อลงทุน          320.00
          บล.ธนชาต                    ซื้อ              300.00
          บล.กสิกรไทย                  ซื้อ              300.00
          บล.เกียรตินาคิน                ซื้อ              295.00
          บล.เอเชีย พลัส                ซื้อ              312.08
          บล.คันทรี่ กรุ๊ป                 ซื้อ              270.00
          บล.บีฟิท                      ซื้อ              297.00
          บล.ทิสโก้                     ซื้อ              288.00

นายเบญจพล สุทธิ์วนิช รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น PTT ด้วยราคาเป้าหมาย 295 บาท/หุ้น จากอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวขึ้น โดยมองว่าผลประกอบการงวดครึ่งแรกปี 53 จะออกมาดี โดยเฉพาะไตรมาส 1/53 จะออกมาดีมาก โดยคาดกำไรสุทธิไว้ที่ 22,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 195% จากงวดเดียวกันของปีก่อน(Q1/52)ที่มีกำไรสุทธิ 7,449 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 45% จากไตรมาส 4/52 ที่มีกำไรสุทธิ 15,271 ล้านบาท

ทั้งนี้เป็นผลจากธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น ทำให้ PTT ได้รับผลดีจากการลงทุนในบริษัทลูกที่ฟื้นตัวขึ้น โดยเฉพาะ PTTEP ปีนี้จะดูดีขึ้นมาก เนื่องจาก 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วได้มีการบันทึกค่าใช้จ่ายไว้เกือบหมื่นล้านบาท และปีนี้ไม่น่าจะมีแล้ว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 ไว้ที่ 71,823 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 59,548 ล้านบาท ซึ่งการคาดการณ์ยังไม่ได้รวมโรงแยกก๊าซที่ 6 ซึ่งคาดว่าไม่น่าเกิดทันในปีนี้

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองว่า ราคาหุ้น PTT ในปัจจุบันต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับตัวอื่น ๆ ถือเป็นหุ้น Laggard

ทั้งนี้ เป็นผลจากที่ก่อนหน้านี้มีปัจจัยลบอยู่หลายอย่าง แต่ตอนนี้มีปัจจัยเกื้อหนุนอยู่มาก โดยมองว่า PTT จะมีการทำกำไรที่ดีขึ้น การแทรกแซงจากรัฐบาลจะน้อยลง อย่างกรณีของ LPG และ NGV ซึ่งน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และตรงนี้จะทำให้กลุ่ม PTT มีกำไรกลับมามากขึ้น ขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทำให้กำไรของบริษัทลูกดีไปด้วย

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTT ในปี 53 ที่ 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 52 ซึ่งมองว่าปีนี้กำไรจะไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากโครงการใหม่ ๆ ยังไม่เข้ามาและบางโครงการก็ไปขึ้นในปีหน้า ทำให้ปริมาณขายของกลุ่ม PTT ยังไล่เลี่ยกับปีที่แล้ว แต่ตัวที่จะหนุนกำไรของ PTT ในปีนี้จะเป็น PTTEP และ PTTCH

อย่างไรก็ดี มองว่าปี 54 กำไรสุทธิของ PTT จะโดดเด่นจากโครงการใหม่ที่เข้ามาหลังจากที่เกิดกรณีมาบตาพุดทำให้ล่าช้าไป 8 เดือน ดังนั้น ปีนี้จึงรับรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 79,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปี 52

นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น PTT เนื่องจากกำไรในปี 53 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เป็นผลจากที่ราคาน้ำมันในปีนี้น่าจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปีที่แล้ว และยังได้ผลบวกจากธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทลูกที่มีรายได้ดีขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี คงจะต้องรอในเรื่องโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ด้วยว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน เนื่องจากจะเป็นตัวที่ทำให้กำไรปรับตัวขึ้นได้อีก ซึ่งขณะนี้ยังชะลออยู่

"แง่ที่ดีขึ้นมีส่วนของราคาน้ำมันแล้ว ยังมองว่าบริษัทลูก PTTEP ปีนี้น่าจะมีกำไรที่ฟื้นตัวขึ้นค่อนข้างแรง และธุรกิจโรงกลั่นก็น่าจะทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว ทำให้ PTT รับรู้ส่วนได้ส่วนเสียดีขึ้น ซึ่ง PTT มีรายได้ที่มาจากการกระจายไปหลายธุรกิจ"นายอนุพนธ์ กล่าว

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ PTT ในปี 53 ที่ 7.19 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20-21% จากปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ