นายสุพจน์ มหพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) เปิดเผยว่า บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต เกตเวย์ จำกัด ในเครือ TRUE ลงทุนอีก 100 ล้านบาทในปี 53 รองรับการให้บริการครบวงจร พร้อมตั้งเป้าปีนี้จะทำรายได้รวมเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว โดยจะเพิ่มรายได้จากบริการเชื่อมต่อโครงข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศได้ถึง 100%และจากบริการชุมสายอินเทอร์เน็ตต่างประเทศอีก 50%
ล่าสุด บริษัทเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ เพื่อสะท้อนภาพการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมและชัดเจนยิ่งขึ้น และปีนี้มีแผนขยายธุรกิจเกตเวย์ให้ครอบคลุมต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของการใช้บรอดแบนด์ และการใช้บริการเชื่อมต่อโครงข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค
นอกเหนือจากการขยายศักยภาพบริการที่มีคุณภาพของบริการชุมสายอินเทอร์เน็ตต่างประเทศ เพิ่มความหลากหลายของบริการเชื่อมต่อโครงข่ายสื่อสารข้อมูลระหว่างประเทศแล้ว
“ธุรกิจเกตเวย์ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในกลุ่มทรูที่มีศักยภาพ นอกจากสร้างรายได้ให้กับองค์กรแล้ว ยังเป็นโครงข่ายพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างประเทศ ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันที่ต้องการเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทั่วโลกได้ตลอดเวลาอย่างไร้ขีดจำกัด"นายสุพจน์ กล่าว
ด้านนายอโณทัย รัตนกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ จำกัด กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทจะเน้นขยายตลาดการให้บริการดาต้าเกตเวย์ เพื่อรองรับความต้องการใช้งานเชื่อมต่อโครงข่ายข้อมูลของกลุ่มธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่จะเพิ่มการรับรู้เรื่องบริการเกตเวย์ครบวงจรของบริษัทแก่ลูกค้าเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ นอกเหนือ จากการเดินสายแสดงศักยภาพและความเป็นผู้ให้บริการเทียบชั้นมาตรฐานสากลในงานแสดงธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมระดับโลกโดย เน้นจุดเด่นเรื่องคุณภาพ การให้บริการและราคาที่สมเหตุสมผล
สำหรับตลาดอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ในประเทศไทย เนื่องจากการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการเกตเวย์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนราคาแบนด์วิธลดลง ทำให้ปริมาณการใช้แบนด์วิธในประเทศไทยแบบเชื่อมต่อตรงกับต่างประเทศโดยรวมเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 60 % จาก 60 Gbps ปี 52 เป็น 90 Gbps ในปี 53
สัดส่วนปริมาณการใช้แบนด์วิธของ ทรู อินเตอร์เนชั่นแนล เกตเวย์ อย่างต่ำ 20 Gbps ในสิ้นปี หรือประมาณ 17% ของตลาดโดยรวม โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถของการเชื่อมต่อให้มากขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานที่ได้ลงทุนมาแล้ว ทั้งการติดตั้ง Point of Presence (POP) และขยายชุมสายในประเทศ สิงค์โปร์ อเมริกา อังกฤษ และ ฮ่องกง เพื่อให้บริการได้อย่างครอบคลุมทั่วโลก