นายชาญ เลิศประเสริฐภากร หรือ"เสี่ยชาญ" นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ตัดสินใจขายหุ้น บมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) ออกไปจนหมดให้กับนายนพปฎล เจสัน จิรสันติ์ ในราคาหุ้นละ 0.05 บาท ต่ำกว่าราคาบนกระดานเทรดหลักที่ล่าสุดอยู่ที่ 0.22 บาท เนื่องจากเห็นว่าลงทุนไปก็ไม่มีอนาคต และเพื่อตัดความรำคาญที่มีคนโทรมาถามเรื่องของ SECC กันมาก แม้ว่าการขายหุ้นครั้งนี้ทำให้ต้องขาดทุนจำนวนมาก แต่ก็ต้องจำยอม
" ที่จริงผมก็อยากจะขายที่ราคาหน้ากระดาน 0.22 บาท แต่เขาไม่ยอม ก็เลยมาตกลงกันที่ 0.05 บาท ซึ่งการขายครั้งนี้ทำให้ผมขาดทุนบานตะโร่เลย แต่ผมก็ต้องยอมขาดทุน เพราะเห็นว่าลงทุนไปก็ไม่มีอนาคต และคนก็ชอบโทรมาถามผมเรื่องของ SECC ซึ่งที่จริงผมไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ คนก็มาหาว่าผมอยู่เบื้องหลัง แล้วศาลฯก็ไม่ให้ฟื้นฟูฯด้วย หลังจากที่กรรมการชุดใหม่ได้ยื่นแผนฟื้นฟูฯเข้าไปแล้ว"นายชาญ กล่าว
นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวว่า สาเหตุที่นายนพปฎลซื้อหุ้น SECC ไป คงเพราะรู้จัก SECC เป็นอย่างดี และคงคาดหวังว่า SECC น่าจะฟื้นธุรกิจขึ้นมาได้และมีอนาคตที่ดี เนื่องจากขณะนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวแล้ว ดังนั้น เขาจึงกล้าที่จะเข้ามาซื้อลงทุน
"เขาบอกว่าจะรอ เขาว่าเขารู้จัก SECC มานานแล้ว และยังเชื่อว่าอนาคตจะดี และตอนนี้อุตสาหกรรมรถยนต์ก็ฟื้นตัวอยู่ เขาก็เลยกล้าที่จะเข้ามาซื้อลงทุน"นักลงทุนรายใหญ่ กล่าว
เช้านี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เปิดเผยว่า นายนพปฎล เจสัน จิรสันติ์ ได้ซื้อหุ้น SECC จำนวน 137,667,000 หุ้นหรือคิดเป็น 22.28% จากการซื้อขายกันโดยตรงเมื่อวันที่ 31 มี.ค.53 โดยระบุราคาสูงสุดที่ 0.05 บาท/หุ้น ทำให้นายนายนพปฎล ถือหุ้น SECC ทั้งสิ้น 22.28%
ขณะที่มีรายงานว่า นายชาญ ขายหุ้น SECC จำนวน 90,430,500 หุ้นหรือคิดเป็น 14.63% ภายหลังจากการขายในครั้งนี้จะทำให้นายชาญไม่มีการถือหุ้น SECC อยู่เลย
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SECC 5 อันดับแรก ล่าสุดเมื่อ 10 ก.ค.52 คือ นายชาญ เลิศประเสริฐภากร ถือหุ้น 14.64%, นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ถือหุ้น 10.77%, น.ส.ทวีวรรณ ธนศรีพนิชชัย ถือหุ้น 7.12%, นายธีรชัย ลีนะบรรจง ถือหุ้น 4.86% และ น.ส.อัจฉราพร พันธ์พาณิชย์ ถือหุ้น 4.76%