โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)คาดการณ์กำไรไตรมาส 1/53 เติบโตสูง จากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และทำให้มีมาร์จิ้นดี โดย 2 เดือนแรกของปีนี้ผู้บริหารระบุยอดสินเชื่อรวมเป็นไปตามเป้าที่เติบโต 8% และคาดทั้งปี 53 จะมีกำไรเพิ่มเป็น 8.3-9.8 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังสะท้อนเรื่องผลประกอบการไม่มาก ขณะนี้ยังมี upside
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 27.00
บล.ซิกโก้ ซื้อ 27.00
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 26.50
บล.ฟิลลิปฯ ซื้อ 26.20
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 25.80
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 24.50
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลประกอบการของ BAY ในไตรมาส 1/53 คาดว่ากำไรจะเติบโตค่อนข้างสูง เพราะไม่ต้องตั้งสำรอง เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ดี และค่าใช้จ่ายพิเศษลดลง
และทั้งปีคาดกำไรสุทธิ 9 พันล้านบาท เติบโต 35.4% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.7 พันล้านบาท โดยสินเชื่อจะขยายตัวต่อเนื่อง 8% และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM)เพิ่มเป็น 5% จาก 4.7% ในไตรมาส 4/52 เพราะบริษัทได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการของ GE Money และ AIG ทำให้พอร์ตสินเชื่อรายย่อยเพิ่มเข้ามามากและทำให้มีผลตอบแทน(yield) ดีขึ้น
ล่าสุด ได้พบกับผู้บริหารได้รับการชี้แจงว่าตัวเลขสินเชื่อ 2 เดือนแรกของปีนี้ก็ยัง inline กับเป้าหมายที่ตั้งสินเชื่อโต 8% ในปีนี้
"มองว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/53 โดได้ค่อนข้างดี ทั้ง QoQ และ YoY และราคาก็ยังไม่ได้สะท้อนเท่ากับตัวแบงก์อื่น ก็ยังมี upside อยู่ ตอนนี้กลุ่มแบงก์จริงๆราคาขึ้นไปค่อนข้างเยอะ ตัวที่เหลือ upside ของเราจะเป็นหุ้นที่แบงก์ใหญ่ก็ยังมี ธ.กรุงเทพ รองลงมาเป็น BAY นอกนั้นก็เป็นแบงก์เล็ก เป็น TISCO KK "น.ส.ศศิกร กล่าว
น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซียพลัส แนะ"ซื้อ"BAY และยกให้เป็น Top pick กลุ่มแบงก์ คู่กับ TCAP แต่ราคาหุ้นยังขึ้นไม่เท่า TCAP ที่มีเรื่องซื้อกิจการ SCIB
เหตุผลหลัก BAY มีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยอยู่สัดส่วนมาก ส่งผลดีต่อธนาคาร เพราะเป็นพอร์ตสินเชื่อที่มีอัตราผลตอบแทนสูง(High yield)เพราะส่วนใหญ่พอร์ตสินเชื่อจะเน้นเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งได้มาจากพอร์ตที่ซื้อมาจาก GE Money โดยส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรถเก่า ขณะที่พอร์ตสินเชื่อเดิมของ BAY เป็นรถใหม่ รวมกันแล้วมีมาร์จิ้น 5% และยิ่ง BAY มีสินเชื่อเติบโตมากเท่าไร ก็ยิ่งดีต่อผลกำไรของ BAY
นอกจากนี้ ปีนี้เป็นปีที่เศรษฐกิจฟื้นตัว รายย่อยจะกลับมาก่อน และเห็นว่ายอดขายรถยนต์ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ยังเติบโตดี ก็จะมีโมเมมตัมที่ดีทั้งปี รวมทั้งสินเชื่อเหล่านี้จะมีค่าธรรมเนียมด้วย ซึ่ง BAY ได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากค่าธรรมเนียม โตเกิน 35% โดยในไตรมาส 1/53 ก็เห็นการเติบโตที่ดี
"ตัวนี้ก็ชอบ เพราะ BAY เน้นสินเชื่อรายย่อย โดยมีสัดส่วน 42% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดในปีที่แล้ว และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 50% ของพอร์ต Yield จะสูง...เรายังแนะนำ"ซื้อ"เป็น Top pick ตัวหนึ่ง จากผลประกอบการโต และได้รับผลดีจากการ synergy จากกิจการของ GE Money ช่วยทำให้การดำเนินธุรกิจในอนาคตครบเครื่องมากขึ้น" น.ส.อุษณีย์ กล่าว
น.ส.อุษณีย์ คาดการณ์ว่าปีนี้ BAY จะมีกำไรสุทธิ 8.3 พันล้านบาท เติบโต 25% จากปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อ 10% ขณะที่ BAY เองตั้งเป้าหมายสินเชื่อเติบโต 8% ในปี 53
ขณะที่บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดว่า BAY จะประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิ 2,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5%QoQ เนื่องจากการได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 168.5%YoY เนื่องจากสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากและการรับรู้รายได้จากกิจการที่ซื้อมา การเข้าซื้อกิจการในปีก่อนจะเริ่มส่งผลดีต่อ BAY อย่างเต็มที่ในปีนี้ ทำให้คาดว่า BAY จะมีกำไรสุทธิปี 53 เพิ่มเป็น 9,852 ล้านบาท และคาดมีการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้น
ในปี 53 BAY จะมีการตั้งสำรองเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเพิ่มสัดส่วนสำรองต่อ NPL และเพื่อรองรับการขาย NPL ออกไป โดย BAY นั้นมีแผนขาย NPL จำนวน 8 พันล้านบาทในช่วงปลายไตรมาส 2/53 และเงินกู้ที่ปล่อยให้กับดูไบเวิลด์นั้นขณะนี้นั้นยังมีการชำระเป็นปกติ และจะครบกำหนดชำระคืนทั้งจำนวนในเดือน มิ.ย.หากได้รับชำระคืนทั้งหมด BAY อาจพิจารณากลับสำรองที่ตั้งไว้ประมาณ 400 ล้านบาทมาเป็นรายได้