บล.เคจีไอ ระบุว่า โดยปกติ High season ของค่าการกลั่นจะอยู่ในช่วงไตรมาสที่สองของทุกปี โดยสำหรับปีนี้กำลังการกลั่นประมาณ 3.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดย 11% ของกำลังการกลั่นในเอชียจะปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 2/53 ดังนั้น คาดว่าค่าการกลั่นจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงที่ความต้องการน้ำมันเบนซินในสหรัฐเพิ่มขึ้นตามฤดูขับรถในหน้าร้อนของเขา
ทั้งนี้ แม้ว่าราคาหุ้นโรงกลั่นอย่าง TOP และ PTTAR จะปรับขึ้นโดดเด่นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เราเชื่อว่าแนวโน้มค่าการกลั่นที่น่าจะแข็งแกร่งต่อไป และสำหรับ PTTAR มีประเด็นเก็งกำไรเรื่องการควบรวมในกลุ่ม PTT ผนวกกับทุนต่างชาติที่เข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ น่าจะทำให้หุ้นทั้งสองยังมีทางขึ้นได้ต่อไป นอกจากนี้จากการศึกษาพบว่าหุ้นโรงกลั่นมักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกด้วย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า หุ้นกลุ่มโรงกลั่นในไตรมาส 1/53 ผลประกอบการจะออกมาโดดเด่นหลังจากที่ค่าการกลั่นปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 5 ดอลลาร์/บาเรล จากไตรมาส 4/52 ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 1.96 ดอลลาร์/บาเรล และแนวโน้มค่าการกลั่นยังคงตัวในระดับสูงต่อเนื่องในไตรมาส 2/53
TOP, PTTAR มีความโดดเด่นในแง่ที่ธุรกิจมีความใกล้เคียงกันในการประกอบธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี ซึ่งราคาปิโตรเคมียังทรงตัวในระดับสูงด้วย
อย่างไรก็ตาม เอเชียพลัส แนะนำหุ้น Top Pick คือ TOP เนื่องจากยังมีอัพไซต์จาก Fair Value ที่ให้ไว้ 55 บาท ขณะที่ PTTAR เห็นว่าเต็มมูลค่าแล้ว หลังราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมาก โดย Fair Value ที่ 29.70 บาท
เมื่อเวลา 10.48 น.
หุ้น PTTAR บวก 0.83% มาที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 528.47 ล้านบาท
หุ้น TOP ลดลง 0.95% มาที่ 52.00 บาท ลดลง 0.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 254.67 ล้านบาท