บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี(SSI)เปิดเผยว่า ฝ่ายการผลิต โรงงานเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน(HSM)อำเภอบางสะพาน รายงานการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนประจำเดือน มี.ค.53 ว่า บริษัทสามารถผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนได้ทั้งสิ้น 286,607 ตัน ทำสถิติสูงสุดของบริษัทเหล็กของคนไทย จากสถิติการผลิตสูงสุด 263,162 ตันเมื่อเดือน มิ.ย.49
ทั้งนี้ ยอดการผลิตในไตรมาส 1/53 มีปริมาณทั้งสิ้น 689,831 ตัน นับเป็นยอดผลิตรายไตรมาสสูงสูดของบริษัท และของบริษัทเหล็กในประเทศไทยเช่นเดียวกัน จากสถิติยอดการผลิตสูงสุด 655,565 ตันในไตรมาส 4/52
สำหรับการส่งมอบผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน เดือน มึ.ค.53 บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าทั้งสิ้น 247,238 ตัน จากเดิมที่บริษัททำลายสถิติส่งมอบผลิตภัณฑ์สูงสุดในเดือน ก.พ.53 จำนวนทั้งสิ้น 254,365 ตัน และรวมในไตรมาสแรก 53 บริษัทมีปริมาณส่งมอบผลิตภัณฑ์ 679,049 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณการส่งมอบผลิตภัณฑ์รายไตรมาสสูงสุดของบริษัทและของบริษัทเหล็กในประเทศไทยเช่นเดียวกัน จากสถิติปริมาณการส่งมอบสูงสุด 556,068 ตันในไตรมาส 2/49
อนึ่ง ในปี 53 SSI ตั้งเป้าหมายการผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนและส่งมอบให้กับลูกค้า 2.7 ล้านตัน
นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ SSI เปิดเผยว่า เป็นผลสำเร็จและการเริ่มต้นที่ดีสำหรับแผนธุรกิจของบริษัทฉบับใหม่สำหรับปี 53-55 ที่บริษัทประสบความสำเร็จที่ในเชิงการผลิตและการส่งมอบผลิตภัณฑ์ ทำให้บริษัทมั่นใจว่าในแนวทางการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ได้แก่ “สร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เหล็กและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า สร้างกำไรสม่ำเสมอ สร้างผลตอบแทนแก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน" ซึ่งมุ่งเน้นการเติบโตตามแนวทางยุทธศาสตร์เหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ ด้วยการคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
การประสบความสำเร็จดังกล่าวนอกจากจะเป็นผลมาจากการอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่มีปริมาณการผลิตมากขึ้น ความไว้วางใจของลูกค้าที่มีในผลิตภัณฑ์และบริการบริษัทแล้ว SSI ยังพัฒนาปัจจัยเกื้อหนุนหลายประการ ทั้งความสามารถในการจัดซื้อวัตถุดิบคุณภาพสูงจากแหล่งใหม่ที่มีต้นทุนแข่งขันได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการจำหน่ายเพื่อจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มปริมาณการขายเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพสูงได้มากขึ้นและมีอัตรากำไรสูงขึ้นทั้งภายในประเทศและปริมาณการส่งออก
นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อเพิ่มอัตราการผลิต ลดส่วนสูญเสีย การดูแลบำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างดี และลดการใช้พลังงาน รวมถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงเทคโนโลยี ผลิตบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เหล็กและบริการของบริษัทมีคุณภาพสูงขึ้น ในปริมาณที่มากขึ้นและมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้น