บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ยอมรับขณะนี้ธุรกิจโรงแรมในย่านราชประสงค์ คือ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยรายได้หายไปประมาณ 20 ล้านบาทตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 ของเดือน มี.ค.มาจนถึงขณะนี้ โดยบริษัทได้ย้ายลูกค้าไปเข้าพักที่โรงแรมเซนทาราลาดพร้าวแทน
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในไตรมาส 2/53 จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนในช่วงเดียวกัน เพราะมีธุรกิจอาหารเข้ามาช่วย
ขณะเดียวกัน เชื่อว่ารายได้โรงแรมในปีนี้ดีกว่าปีก่อน เพราะรายได้จากการบริหารโรงแรมจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 100 ล้านบาท จาก 52 ล้านบาทในปีก่อน และ บริษัทมีกำหนดเปิดให้บริการโรงแรมใหม่ที่ จ.ภูเก็ตในเดือน ต.ค.นี้ ทำให้คาดว่าปี 53 จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 53.09 ล้านบาท มาจากรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 10% จากเดิมที่ตั้งเป้าที่ 15% และ ในปีนี้ไม่มีการตั้งสำรองการปิดสาขาร้านอาหารเหมือนในปีก่อน
"ในภาพรวม โรงแรมในต่างจังหวัดอย่างภูเก็ต หัวหินยังไปได้ดี แต่ที่มีปัญหาคือกรุงเทพ โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะอยู่ที่พื้นที่การชุมนุมพอดี ตรงนี้ก็ได้รับผลกระทบ...อยู่ราวๆ 10-20 ล้านบาท เท่าที่ผมดูตัวเลขไม่น่าจะเกิน 20 ล้านบาท เฉพาะช่วงนี้ ถ้ายาวมากตัวเลขก็คงค่อยๆเพิ่ม"นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินบัญชีและบริหาร CENTEL กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
สำหรับอัตราการเข้าพักของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิล์ดในช่วงนี้ คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์การชุมนุมอาจจะปรับขึ้นมาเป็น 80% เพราะปกติช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักท่องเที่ยวจากเอเชีย โดยเฉพาะ เกาหลี ฮ่องกง และจีน จะเดินทางเข้ามาช่วงนี้ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม นายรณชิต มั่นใจว่า ในไตรมาส 2/53 บริษัทจะยังคงมีกำไร ไม่ขาดทุนเหมือนปีก่อน ซึ่งในไตรมาส 2/52 มีการตั้งสำรองการปิดร้านของพิซซ่าฮัท และร้านไอศกรีมบาสกิ้นรอบบิ้น 70-80 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจอาหารในไตรมาสแรกปีนี้ทำรายได้ดีมาก และมีการเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ"ชาบูตง" เป็นร้านราเม็งที่สยามสแควร์ ในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับดีมาก และคาดว่าปลายปีจะทยอยเปิดเพิ่มขึ้น
"ปีนี้ Food น่าจะเป็นพระเอก ในไตรมาส 2 เราจะไม่ติดลบ และเท่าที่ดู Food ก็จะเข้ามาช่วย และโรงแรมที่มัลดีฟ ก็จะช่วย" นายรณชิต กล่าว
นอกจากนั้น ยังคาดว่าธุรกิจโรงแรมช่วงไตรมาส 4 จะกลับมาดีอย่างปีก่อน และถ้าเทียบกับปี 52 เท่าที่ดูตัวเลขรายได้ปี 53 จะออกมามากกว่าปีที่แล้วแน่นอน ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้เติบโต 15% โดยขณะนี้คาดว่าน่าจะได้ 10% ขึ้นไปแล้ว อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 65% ขึ้นไป ใกล้เคียงกับปี 51 ที่มีอัตราประมาณ 63% หลังจากที่หดตัวไปในปีก่อนเหลือ 60-61% และคาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 43-44%
ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.นี้จะเปิดโรงแรมใหม่ที่หาดกะรน ชื่อ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ ภูเก็ต บีช รีสอร์ท โดยจะ soft opening ในเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว และจะมีรายได้จากโรงแรมที่พัทยาเข้ามามาก นอกจากนี้ ในปีนี้รายได้จากค่าบริหารโรงแรมจะเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าไว้ 100 ล้านบาท จากปีก่อน 52 ล้านบาท หลังจากเริ่มเข้าบริหารโรงแรมที่มัลดีฟเมื่อ พ.ย. 52 และที่อิยิปต์จะเริ่มในเดือน เม.ย.นี้ ฉะนั้น จึงมั่นใจว่าปีนี้ รายได้ของธุรกิจโรงแรมในปีนี้น่าจะมากกว่าปีที่แล้ว
"ทำธุรกิจโรงแรมในไทยต้องทำใจ มองช่วงสั้นไม่ได้ เราก็พยายามป้องกันความเสี่ยงหารายได้จากต่างประเทศบ้าง จาก Food เข้ามาช่วย balance...กังวลเหมือนกันว่าจะยืดเยื้อ เพราะครั้งนี้เท่าที่ดู เหตุการณ์ต่างๆ การชุมนุมและมีปาระเบิดกัน ภาพพวกนี้จะไม่ค่อยดีในธุรกิจการท่องเที่ยว ถ้ามีเหตุการณ์ป่วนเมืองอยู่เรื่อย ตรงนี้นักท่องเที่ยวจะกลัว ห่วงตรงนี้ เรื่องชุมนุมอย่างเดียวยังไม่เท่าไร" นายรณชิต กล่าวทิ้งท้าย