นายโสฬส ตั้งในธรรม กรรมการและผู้อำนายการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ทาพาโก้(TAPAC)เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วอร์แรนต์) ที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุ จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีราคาใช้สิทธิที่ราคา 2.30 บาท คาดว่าบริษัทจะได้เงินจากการออกวอร์แรนต์ดังกล่าวประมาณ 105-108 ล้านบาท ในช่วงปลายไตรมาส 3/53-ต้นไตรมาส 4/53
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในโครงการเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนขยายการลงทุนในปี 53-55 ซึ่งใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 225 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทใช้งบลงทุนจำนวน 100 กว่าล้านบาท เพื่อสร้างอาคารโรงงานและจัดซื้อเครื่องจักร ส่วนงบลงทุนที่เหลืออีก 2 ปี จะเป็นเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
"โรงงานใหม่เราเริ่มสร้างตั้งแต่ พ.ย.ปีที่แล้ว ส่วนเครื่องจักรใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาได้ในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ และใช้เวลาติดตั้ง 1 สัปดาห์ก็น่าจะเดินเครื่องได้ ช่วงแรกคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ 20-25% ในช่วงสิ้นปีนี้ และใน 3 ปี กำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 60-75%"นายโสฬส กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
นายโสฬส กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโต 20-25% จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 20% ซึ่งหลังจากที่โรงงานใหม่แล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องจักรใหม่ จะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4/53 โดยไตรมาส 1/53 ที่ผ่านมายอดขายเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 20% และคาดว่ายอดขายไตรมาส 2/53 จะเติบโตได้ต่อเนื่องในอัตราเดียวกัน ขณะที่การทำอัตราการทำกำไรขั้นต้นในปี 53 คาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงปี 52
สำหรับการหาพันธมิตรร่วมทุนนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ หลังจากในปี 52 ที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีนักลงทุนจากญี่ปุ่นให้ความสนใจ แต่ยังไม่มีการดีลแต่อย่างใด และขณะนี้บริษัทยังไม่มีการศึกษา หรือเจรจาการหาพันธมิตรรายใดๆ อีก
ขณะนี้การชุมนุมทางการเมืองในขณะนี้ ยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ โดยคำสั่งซื้อของลูกค้าในต่างประเทศยังคงมีตามปกติ ทำให้บริษัทไม่มีความกังวลในเรื่องนี้
"ปัญหาการชุมนุมมีผลกระทบต่อบริษัทค่อนข้างน้อย หากเทียบกับการปิดสนามบิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจบ้างในการขนส่งสินค้าที่ต้องเปลี่ยนจากการขนส่งทางอากาศ เป็นทางเรือ แต่ปัจจุบันการชุมนุมยังไม่ได้กระทบธุรกิจ"นายโสฬส กล่าว