ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กข่าวเหมืองระเบิดในสหรัฐ-แรงขายหุ้นเทคโนฯ กดดาวโจนส์ปิดลบ 3.56 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 7, 2010 06:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท ซีเอ อิงค์ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวเหมืองถ่านหินระเบิดในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดลบในกรอบที่จำกัดเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากนักวิเคราะห์ของเวลส์ ฟาร์โก ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 3.56 จุด หรือ 0.03% แตะที่ระดับ 10,969.99 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 2.00 จุด หรือ 0.17% แตะที่ระดับ 1,189.44 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.28 จุด หรือ 0.30% แตะที่ 2,436.81 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 7.44 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 17 ต่อ 13

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัท ซีเอ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์ทางธุรกิจ คาดการณ์ว่า ผลประกอบการปี 2553 อาจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น และบริษัทยังวางแผนที่จะลดการจ้างงาน 1,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของการจ้างงานภายในองค์กร

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวเหมืองถ่านหินระเบิดในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 25 คน โดยเหมืองดังกล่าวดำเนินการโดยบริษัท เพอร์ฟอร์แมนซ์ โคล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแมสซี เอนเนอร์จี ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของสหรัฐ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแมสซีดิ่งลงด้วย

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารหลังจากนักวิเคราะห์ของเวลส์ ฟาร์โก ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดี ทั้งในตลาดแรงงาน ภาคการผลิต และภาคบริการ โดยรายงานของเฟดมีขึ้นหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยว่าตัวเลขจ้างงานเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่ง ทำสถิติเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 3 ปี และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ 9.7% เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

ขณะที่ดัชนีภาคบริการและดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจเดือนมี.ค. ซึ่งครอบคลุมถึงธุรกิจเฮลธ์แคร์ ค้าปลีก และธุรกิจบริการด้านการเงิน เพิ่มขึ้นแตะระดับ 55.4 จุด จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 53 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 54 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคบริการและภาคธุรกิจมีการขยายตัว

ทั้งนี้ หุ้นซีเอร่วงลง 1.9% หุ้นซันทรัสต์ แบงค์ ปิดบวก 3.5% และหุ้นแมสซี เอนเนอร์จี ปิดร่วง 11.4% เนื่องจากข่าวเหมืองถ่านหินระเบิดในสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ