นายวีรศักดิ์ โฆษิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมีคอล (PTTCH) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2-3/53 คาดว่าส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (สเปรด) จะอ่อนตัวเล็กน้อยจากไตรมาส 1/53 มาอยู่ที่ประมาณ 500 เหรียญ/ตัน จากไตรมาส 1/53 ที่มีสเปรดไม่เกิน 550 เหรียญ/ตัน เนื่องจากจะมีซัพพลายใหม่เข้ามาในตลาดทั้งจากโรงงานในตะวันออกกลางและจีน
ขณะที่ความต้องการปิโตรเคมียังดีอยู่ ราคาผลิตภัณฑ์จึงไม่ปรับตัวลงมาก ประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งคู่แข่งใช้ นาฟทาเป็นวัตถุดิบที่อิงกับราคาน้ำมันดิบ เมื่อเทียบต้นทุนบริษัทที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตุดิบ จึงมีความได้เปรียบกว่า อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 53 มองว่าบริษัทจะมีสเปรดอยู่ที่ 500 เหรียญ/ตัน
ส่วนเป้าหมายรายได้ปี 53 ที่ตั้งไว้ 1 แสนล้านบาท ขึ้นกับโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 6 ของบมจ.ปตท.(PTT)ว่าจะเปิดดำเนินการได้ทันภายในปีนี้หรือไม่ เพราะจะเป็นส่วนสำคัญต่อการป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานแครเกอร์แห่งใหม่ของ PTTCH โดยคาดว่าโรงแยกก๊าซของ PTT น่าจะเปิดได้ภายในกลางปีนี้
ปัจจุบัน โรงแครกเกอร์ของบริษัท มีกำลังการผลิต 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่ 2.8 ล้านตัน/ปี
"สเปรดครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะอ่อนตัว แต่ถ้าปัญหามาบตาพุดคลี่คลายและเดินหน้าได้ตามแผน จะทำให้เราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ ซึ่งแนวทางแก้ไขปัญหามาบตาพุดตอนนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ"นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าร่วมทุนกับบริษัทแห่งหนึ่งในต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีขึ้นปลายที่เปิดดำเนินกิจการอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้
และในปีนี้ บริษัทมีความต้องการใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 8 พันล้านบาทตามแผนงานเพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่กำลังก่อสร้าง แต่จะจัดหาเงินทุนไม่เกิน 3 พันล้านบาทอาจเป็นการออกหุ้นกู้หรือกู้เงินจากสถาบันการเงิน ขณะนี้รอจังหวะตลาดที่เอื้ออำนวย ส่วนวงเงินอีก 5 พันล้านจะมาจากรายได้ของบริษัท