ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 72.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 8, 2010 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) หลังจากนายโธมัส โฮนิก ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแคนซัส ซิตี้ ออกมาแสดงความวิตกกังวลที่เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำนานเกินไป พร้อมกับแนะนำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าต้นทุนการกู้ยืมในสหรัฐอาจปรับตัวสูงขึ้นและอาจเหนี่ยวรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจซบเซาในยุโรป

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 72.47 จุด หรือ 0.66% ปิดที่ 10,897.52 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 6.99 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 1,182.45 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับลง 5.65 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 2,431.16 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 9.63 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

นักวิเคราะห์จากบริษัท แองคอรา แอดไวเซอร์ส ในเมืองคลีฟแลนด์ กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อทั้งผู้บริโภคและภาคเอกชน อีกทั้งจะเป็นอุปสรรคขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยกระแสความวิตกกังวลในเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนายโฮนิกกล่าวในที่ประชุมที่เมืองนิวเม็กซิโก ว่า เฟดไม่ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำนานเกินไปเพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ พร้อมกับแนะนำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดเริ่มหันมาพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซามากขึ้นเมื่อนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด กล่าวว่า ภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์และอัตราว่างงานที่ยังอยู่ในระดับสูง ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่สหรัฐกำลังเผชิญ และจากข่าวที่ว่าเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 16 ประเทศไตรมาส 4 ปี 2552 ทรงตัว หลังจากที่บริษัทเอกชนได้ลดการใช้จ่ายลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้เพราะได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายธนาคารสหรัฐ (ABA) เปิดเผยในรายงาน "Consumer Credit Delinquency Bulletin" รายไตรมาสว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (delinquency) เงินกู้ของผู้บริโภคในสหรัฐปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.19% ในไตรมาส 4 ปี 2552 จากไตรมาส 3 ที่ระดับ 3.23%

นายเจมส์ เชสเซน หัวหน้านักวิเคราะห์ของ ABA กล่าวว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ในสหรัฐมีแนวโน้มที่เป็นบวก และผลสำรวจครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว นอกจากนี้ ข้อมูลยังสะท้อนให้เห็นว่าสถานะทางการเงินของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น และธนาคารมียอดขาดทุนน้อยลง ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้นในวันข้างหน้า

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดร่วง 56 เซนต์ แตะที่ 67.34 ดอลลาร์ หุ้นเชฟรอน คอร์ป ปิดลบ 51 เซนต์ แตะที่ 77.37 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ