PRIN จัดงบซื้อที่ดินเพิ่ม เปิดโครงการใหม่ปีนี้เป็น 10โครงการ 1หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 8, 2010 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการผู้จัดการ บมจ.ปริญสิริ (PRIN) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้ปรับเพิ่มงบลงทุนซื้อที่ดินใหม่ในปีนี้เป็น 1.5 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ 1.2 พันล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเข้ามาเพิ่มเติมเป็นการสำรองไว้พัฒนาโครงการในอนาคตต่อเนื่องไปถึงปี 54 ประกอบกับบริษัทมีแผนจะปรับเพิ่มจำนวนโครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้ด้วย

ขณะนี้มีผู้เสนอขายที่ดินรายใหม่เข้ามาเจรจากับบริษัทจำนวนมาก หลังจากบริษัทมีแผนจะเร่งซื้อที่ดินในปีนี้เพิ่มขึ้น โดยจะตัดสินใจซื้อที่ดินประมาณ 6-7 แปลง จากปีก่อนที่บริษัทได้มีการซื้อที่ดินไว้แล้ว 3 แปลงมูลค่า 300 กว่าล้านบาท คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนการซื้อที่ดินภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะทำในลักษณะทยอยซื้อ

การซื้อที่ดินดังกล่าว เป็นการรองรับการขยายตัวของรายได้ในปี 54 ด้วย แม้ปัจจุบันบริษัทจะมีสต็อกที่ดินอยู่ในมือแล้ว แต่ส่วนใหญ่จะทยอยนำมาพัฒนาโครงการในปีนี้ ขณะที่บริษัทจะมีการเพิ่มจำนวนโครงการใหม่ในปีนี้เป็น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมมีแผนเปิดเพียง 7 โครงการ มูลค่าอย่างต่ำ 7 พันล้านบาท

"ตอนนี้มีที่ดินใหม่ๆ เข้ามาเสนอหลายแปลงมากกว่า 100 แปลง แต่เราคงเลือก 6-7 แปลงตามที่เราตั้งใจไว้ เพราะเรามีตุนแล้วในปีก่อน 3 แปลง ซึ่งก็จะพอดีกับแผนงานในปีนี้ที่ต้องการเร่งซื้อที่ดินเพื่อขยายตัวในปี 54 คนที่มาเสนอขายที่ดินส่วนใหญ่เป็นโซนตะวันตก(วงแหวน-กาญจนาภิเษก )ซึ่งน่าสนใจและเราคงเลือกดู แม้ย่านนั้นเราจะมีโครงการอยู่แล้ว แต่ดีมานด์ตรงนั้นก็เยอะเหมือนกัน" นายชัยรัตน์ กล่าว

นอกเหนือจากการเร่งการซื้อที่ดินแล้ว บริษัทยังมีแผนนำเทคโนโลยีการสร้างผนังสำเร็จรูป (Pre-cast) มาใช้ในโครงการในปีนี้ โดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการบ้านเดี่ยว ซึ่งจะส่งผลให้ระยะเวลาก่อสร้างลดลงจาก 6 เดือน เหลือ 4 เดือน ซึ่งในปี 52 บริษัทได้นำระบบดังกล่าวมาใช้กับการก่อสร้างโครงการทาวน์เฮ้าส์ไปแล้ว โดยเป็นการลดต้นทุนและสอดรับกับความต้องการลูกค้าในปัจจุบัน หลังจากที่รัฐต่อมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ออกไปอีกเพียง 2 เดือน

นายชัยรัตน์ กล่าวต่อว่า การเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นจะช่วยผลักดันให้รายได้ของบริษัทในปี 54 เติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 53 ที่บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ในระดับ 10-15% และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ประมาณ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมดขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยก็ปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 27% จากปีก่อนอยู่ที่ 23-24%

ส่วนการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศแถบเอเซียก่อนหน้านี้โดยเสนอให้เข้ามาถือหุ้นของบริษัท ด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนนั้นขณะนี้บริษัทไม่ได้มีความเร่งรีบ ประกอบกับ สถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นคงทำให้การเจรจาคงล่าช้าออกไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ