โบรกฯแนะ"ซื้อ"TOP คาด Q1/53โตต่อเนื่อง ค่าการกลั่นสูงขึ้น-ราคาปิโตรฯดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 9, 2010 16:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หนุนซื้อหุ้น บมจ.ไทยออยส์(TOP) หลังมองว่าผลประกอบการไตรมาส 1/53 จะเติบโตได้ต่อเนื่อง จากธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่ยังมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยค่าการกลั่นสูงขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 และสเปรดปิโตรเคมียังมีแนวโน้มสูงขึ้น ตามความต้องการในตลาดที่ยังมีอยู่มาก หลังจากซัพพลายในตลาดลดลงจากการปิดโรงงานหลายแห่งในหลายประเทศ ประกอบกับราคาหุ้นในปัจจุบันยังอยู่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน

          โบรกเกอร์            คำแนะนำ            ราคาเป้าหมาย(บาท)
          บล.ทรีนิตี้               ซื้อ                   57.00
          บล.เอเซีย พลัส          ซื้อ                   54.80
          บล.กิมเอ็ง              ซื้อ                   58.00
          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย    ซื้อ                   55.00
          บล.ไอร่า               ซื้อเมื่ออ่อนตัว           49.00

นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ คาดว่า ผลประกอบการ TOP ไตรมาส 1/53 จะมีกำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 4/52 ถึง 105% เนื่องจากค่าการกลั่นและสเปรดปิโตรเคมีไปได้ดีดี โดยค่าการกลั่นมีแนวโน้มที่ดี แม้กำลังการผลิตใหม่ที่จะเข้ามาในปีนี้ 1 ล้านบาร์เรล/วัน แต่น้อยกว่าปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน ประกอบกับ ความต้องการที่เติบโตจากปีก่อนอย่างมาก ทำให้ประมาณการค่าการกลั่นในปีนี้อยู่ในระดับสูง

ส่วนปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์ที่กำลังการผลิตใหม่จากจีนมีการเลื่อน Start-up ไปในช่วงไตรมาส 4/52 จากปัญหาด้านการขนส่ง และความต้องการใช้ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้สเปรดราคามีแนวโน้มสดใส โดยคาดว่า Margin รวมของ TOP ใน 53 อยู่ที่ระดับสูงกว่า 6 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่ธุรกิจโซลเว้นท์ ยังมีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน จากตลาดเวียดนามที่มีการเติบโตสูง ซึ่ง TOP มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 40% โดยคาดกำไรจากธุรกิจโซลเว้นท์ปีนี้จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท

นอกจากนี้ TOP ยังมีแผนลงทุนซื้อเรือเพิ่มเพื่อลดค่าขนส่งในปีนี้อีก 3 ลำ เป็นเรือขนส่งวัตถุดิบ 1 ลำ ขนาด 80,000 ตัน และเรือขนส่งเคมิคอลไปขายในภูมิภาคอีก 2 ลำ ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถต่อยอด ขยายฐานลูกค้าและลดค่าขนส่งได้อย่างมาก

และบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการซื้อเรือ VLCC (Very Large Crude Carrier) ที่สามารถบรรทุกผลิตภัณฑ์ได้ถึง 2-3 ล้านบาร์เรล จากราคาเรือในขณะนี้ที่ลดลงมามาก ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการขนส่งได้ที่ 1 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มกำไรของ TOP ในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะออกมาดี จากธุรกิจโรงกลั่นและอะโรเมติกส์ โดยพบว่าค่าการกลั่นในไตรมาส 1/53 ปรับตัวดีขึ้นมาที่ 5 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงขึ้นจากไตรมาส 4/52 ที่ค่าการกลั่นอยู่ที่ 2 ดอลลาร์/บาร์เรล จึงมองว่าธุรกิจโรงกลั่นยังสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้ดี ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี มีสเปรดสูงขึ้นเช่นกัน

และมองว่าไตรมาส 2/53 รายได้ของ TOP น่าจะยังเติบโตและสร้างรายได้ดีต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องซัพพลายในตลาดยังมีน้อย หลังจากที่หลายประเทศยังมีการปิดโรงกลั่นอยู่ ขณะที่ดีมานด์ในตลาดยังมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ประเมินรายได้ของ TOP ทั้งปี 53 อยู่ที่ 350,000 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 11,600 ล้านบาท และอัตราผลตอบแทนต่อหุ้นอยู่ที่ 5.7 บาท โดยมองว่าแม้ค่าการกลั่นจะปรับสูงขึ้นในไตรมาส 1/53 แต่มองว่ายังมีความผันผวน ซึ่งทำให้ต้องมีการติดตามต่อไป เพื่อดูแนวโน้มว่าจะมีการปรับประมาณการรายได้ของ TOP หรือไม่

“เรามองว่าหุ้น TOP ยังเป็นหุ้น Top Picks ในกลุ่มพลังงานที่ยังแนะนำให้เข้าซื้อลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน"นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าว

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง มองว่า ค่าการกลั่นที่ดีขึ้นในไตรมาส 1/53 ส่งผลให้กำไรของ TOP ฟื้นตัวจากไตรมาส 4/52 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,611 ล้านบาท ตามค่าการกลั่นปกติทิ่สิงคโปร์ปรับตัวขึ้นจาก 2.57 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4/52 มาอยู่ที่ 4.92 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 1/53 ส่งผลให้ค่าการกลั่นปกติ(หัก fuel and loss)ของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นจากที่ติดลบ 1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 2.6 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนบริษัท ไทยพาราไซลีน จำกัด(TPX) คาดว่าผลกำไรจะยังดีตาม spread margin ของทั้งพาราไซลีนที่ยังยืนสูงอยู่ที่ 296 ดอลลาร์/ตัน และเบนซีนอยู่ที่ 248 ดอลลาร์/ตัน จึงประเมินเบื้องต้นว่าบริษัทจะมีกำไรปกติไตรมาส 1/53 ประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามทั้งปี 53 ประเมินว่า TOP จะมีกำไรสุทธิที่ 13,218 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 6.48 บาท เติบโต 10% เทียบจากปีก่อน yoy จากแนวโน้มค่าการกลั่นที่ปรับตัวดีขึ้นที่คาดว่าค่าการกลั่นปกติ(หัก fuel and loss)เฉลี่ยในปีนี้จะดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.3 ดอลลาร์/บาร์เรล(ประมาณ 4.5 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนหัก fuel and loss)ตามการฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูป

ขณะที่ spread margin ของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ทั้งพาราไซลีนและเบนซีน โดยเฉลี่ยคาดว่าจะทรงๆ ตัวในปีนี้ เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่ออกมามากในปีนี้ โดย spread margin ของพาราไซลีน คาดว่าจะอยู่ที่ 350 ดอลลาร์/ตัน และ spread margin ของเบนซีน คาดว่าจะอยู่ที่ 150 ดอลลาร์//ตัน จาก 89 เหรียญ/ตันในปี


แท็ก ปิโตรเคมี   (TOP)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ